ทีมชาติจีนที่นำโดนกุนซือลิปปีชื่อดังนั้นเขี่ยทีมช้างศึกตกรอบเอเชียนคัพ แม้แฟน ๆ จะพอใจโดยภาพรวม แต่ก็ยังอยากให้ตั้งเป้าสูงกว่านี้...

2019年01月23日 佐々木裕介

การเปลี่ยนตัวแก้เกมและปรับแผนการเล่นของกุนซือลิปปีได้ผลชะงัด

นักเตะทีมชาติไทยทั้งชนาธิปและธีราทรต่างก็มาช่วยป้องกันในเกมรับ ผลการแข่งขันจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของทีมชาติไทย

C) Getty Images

  การแข่งขันเตะกันที่สนาม Hazza bin Zayed Stadium ที่ป็นสนามของสโมสร Al Ain FC แห่งชาติอาหรับ ณ สนามที่อยู่ในเมืองติดกับพรมแดนประเทศโอมานนั้น เส้นทางไล่ล่าความฝันของทีมชาติไทยในศึกเอเชียนคัพเป็นอันจบลงที่ตรงนี้

  นักเตะหัวหอกดาวเด่นที่ทั่วโลกจับตามองอย่างอู๋เหล่ย(สโมสร Shanghai SIPG) ได้ลงเล่นตัวจริงตามที่คาดการณ์เอาไว้ แม้สื่อไทยบางแห่งจะมีการเปิดเผยข้อมูลว่าดาวดังคนดังกล่าวมีอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ซ้ายถึงขั้นมีภาพผลเอ็กซ์เรย์ออกมาเลยก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วก็ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ข่าวลวงเท่านั้น ทุกอย่างคงจมอยู่ในวังวนปริศนา

  ในช่วงนาทีที่ 31 ของการแข่งขัน ก็เป็นทางฝั่งของทีมชาติไทยที่ชิงความได้เปรียบในการออกนำไปก่อน

  ผู้ยิงประตูให้กับทีมชาติไทยคือกองหน้าวัย 20 ปี ศุภชัย ใจเด็ด (สโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด) ลูกยิงของเขายังเป็นที่จดจำจนถึงในตอนนี้ สไตล์จังหวะการจับบอลลงอย่างนิ่มนวลราวกับนักเตะลาตินนั้นช่างงดงามหยดย้อย ชวนให้ได้บรรยากาศถึงกาก้าวัยหนุ่มเลยก็ว่าได้

  เพื่อเป็นการแก้เกม ทีมจีนจึงเปลี่ยนแผนในช่วงต้นครึ่งหลังจากเล่นหลัง 4 มาเป็นแผนหลัง 3 ซึ่งนั่นก็ได้ผลเป็นอย่างดี ในนาทีที่ 67 เสี่ยวจี้ (สโมสร Guangzhou R&F) ทำประตูตีเสมอได้ จากนั้นในไม่นานเก๋าหลิง (สโมสร Guangzhou Evergrande) ที่ทุ่มเทกำลังในเกมบุกตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลังก็ถูกทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษแล้วสังหารจุดโทษให้ทีมขึ้นนำ  ท้ายที่สุดแล้วการแข่งขันก็จบลงโดยไม่มีการทำประตูเพิ่มขึ้นได้ ถึงแม้ทีมชาติไทยจะเป็นฝ่ายทำประตูออกนำก่อนก็ตามแต่การถูกไล่ตีเสมอแล้วเสียจุดโทษนั้นก็ทำให้ทีมพ่ายแพ้ไป จึงไม่สามารถไปต่อที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างน่าเสียดาย

  กลยุทธ์ของกุนซือลิปปีที่แก้เกมและเปลี่ยนแผนการเล่นนั้นได้ผลชะงัด จากประสบการณ์การคุมทีมชาติอิตาลีจนผงาดคว้าแชมป์โลกมาก่อนได้นั้น คงเป็นเรื่องยากที่กุนซือชั่วคราวของไทยอย่างศิริศักดิ์ ยอดญาติไทยจะต่อกรได้โดยง่าย หากจะเรียกว่าแพ้ด้วยกลยุทธ์ก็ไม่ผิดอะไรนัก แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าภาระที่กุนซือชั่วคราวคนนี้ต้องแบกรับแทนนั้นหนักอึ้งไม่ใช่น้อยเลย
 
  ระดับความต่างชั้นของกุนซือนั้นยังส่งผลให้บรรยากาศของผู้เล่นที่ขับออกมาในสนามนั้นแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งนั่นคือสีหน้าของ "ความมั่นใจ" ที่แสดงออกมานั่นเอง
 
  สำหรับทีมชาติจีนนั้น จริงอยู่ที่ในทัวร์นาเมนต์การแข่งขันใหญ่ในเอเชียที่ผ่านมาหลายครั้งนั้นแม้พวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรนักก็ตาม แต่กระนั้นเหล่านักเตะก็ยังมีความเชื่อมั่นว่า "ตัวเองแข็งแกร่ง" อยู่ในหัวใจ ซึ่งนั่นอาจจะเกิดจากอุปนิสัยของชาวจีนผู้มีอารยธรรมนานก่วา 4,000 ปีก็เป็นได้ การมีจิตใจหนักแน่นดุจดังภูผา ยิ่งเล่นก็ยิ่งมีความมั่นใจ ตรงกันข้ามกับทีมชาติไทยที่เห็นสีหน้าเลยว่า "ความมั่นใจยังคงไม่มีมากนัก" เพราะฉะนั้นก็สามารถเปรียบเปรยได้เลยว่าทีมชาติไทยไม่ได้แพ้เพราะความสามารถแต่แพ้เพราะภาวะทางจิตใจ
 

次ページน่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีการวิเคราะห์เจาะลึกถึงสาเหตุของการตกรอบทัวร์นาเมนต์มากนัก

แชร์กับเพื่อนๆ
Twitterで更新情報配信中

関連記事