"ในสายตาของพ่ออย่างมลาเดนแล้ว ลูกชายของเขาอย่างซิเม่ก็เป็นเพียงแค่ "เด็กทารกตัวน้อย" แต่เพียงเท่านั้น"
คนในวงการฟุตบอลที่รู้จักตัวของพ่อลูกเวอร์ซัลจ์โก้เป็นอย่างดีนั้นกล่าวประโยคดังกล่าวออกมา ตัวของคนพ่ออย่างมลาเดนที่ค้าแข้งอยู่กับสโมสร Zadar มานับสิบปีนั้น เขาคือตัวตัดเกมที่มีจิตใจสุดห้าวหาญ ในช่วงที่ค้าแข้งอยู่เคยเป็นกัปตันของทีมชาติโครเอเชีย คอยป้องกันหัวหอกของฝั่งตรงข้ามมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งน้าของซิเม่ที่มีชื่อว่าสเปมีลได้กล่าวออกมาว่า
"ตอนอยู่บนสนามมลาเดนจะกลายร่างเป็นสัตว์ป่า เขาไม่ยอมให้ใครผ่านไปได้ แต่พออยู่นอกสนามแล้วเขาเป็นคนที่ไม่ฆ่าแม้กระทั่งมดด้วยซ้ำ ถ้าจะให้ผมเปรียบเทียบสองพ่อลูกนี้มันก็คงยากไปหน่อยเพราะยุคสมัยมันต่างกัน แต่โดยสไตล์การเล่นแล้วเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น"
เมือง Zadar นั้นเคยมีสงครามปฏิวัติอเมริกาเกิดขึ้น ตัวพ่อที่ยังเล่นฟุตบอลอยู่จึงจำเป็นต้องอยู่ Zadar ต่อ แล้วครอบครัวต้องย้ายออกมาอยู่ที่เมือง Rijeka แทน แล้วตอนนั้นที่ลูกชายคนโตอย่างซิเม่ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งชื่อของซิเม่นั้นก็เอามาจากชื่อของปู่ โดยตัวของซิเม่ที่ได้รับชื่อมาจากปู่ที่แสนยิ่งใหญ่นั้น เมื่ออายุครบ 7 ขวบเขาย้ายเล่นให้กับทีมเยาวชนของสโมสรใน Zadar โดยทางกุนซือของทีมก็พูดถึงตัวของซิเม่ในตอนนั้นออกมาว่า
"ความแข็งแกร่งและเซนส์เชิงบอลที่ดีเยี่ยมนั้นเขาได้รับสืบทอดมาจากพ่ออย่างเต็มที่ นอกจากนั้นก็ยังมีความทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นตั้งแต่อายุยังน้อย เซนส์ในการเปิดลูกก็ดีเยี่ยมนับตั้งแต่ตอนเด็กเลย"
ความรักที่มีต่อปู่และการอยู่ในหอราวกับค่ายทหาร ฮาลิลผู้ดึงฟอร์มแบ็คขวาทีมชาติโครเอเชียออกมา
カテゴリ:ワールド
2019/01/19
น้าระบุว่า "ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น"
จนกระทั่งฟอร์มการเล่นของซิเม่ก็เตะตาโยโซ บันดิชเข้าเลยทำให้ถูกพาตัวเข้ามายังสโมสร Dinamo Zagreb แล้วเป็นครั้งแรกที่ซิเม่ในวัย 14 ปีต้องไกลจากบ้าน เขาพักอยู่ที่บ้านของบันดิชแล้วทุ่มเทกายและใจเพื่อการฝึกซ้อม
"การอยู่ห่างไกลจากที่บ้านเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกทรมานที่สุด ตอนอยู่ที่บ้านนั้นครอบครัวจะคอยดูแลสรรหาอะไรมาให้ตลอด แต่พออยู่ที่หอแล้วมันก็เหมือนกับระบบของทหารเลยครับ ต้องตื่น 7 โมงเช้าเพื่อทำความสะอาดห้องต่อให้วันนั้นจะมีการฝึกซ้อมหรือไม่ โดยส่วนตัวของผมแล้วจัดว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่เข้มงวดมากเลยครับ"
ไม่ใช่เพียงแต่ซิเม่เพียงเท่านั้น รุ่นพี่เด็กหออีกคนของเขาอย่างลูก้า โมดริชก็เป็นตัวอย่างอีกคนเช่นกัน การมีตัวอย่างที่ดีจึงทำให้ซิเม่ปรับตัวและแสดงเอกลักษณ์ออกมาอย่างโดดเด่น จนกระทั่งฟอร์มของเขาเตะตากุนซือในสมัยนั้นอย่าง วาฮิด ฮาลิลโฮซิก(กุนซือที่คุมทีมชาติญี่ปุ่นปี 2015-2018) จนดึงตัวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่และเป็นผลให้ซิเม่ติดทีมชาติโครเอเชียชุดหลักด้วยวัยเพียง 18 ปีเมื่อปี 2010 นี่เอง