「หากไม่ได้ภาษาก็จะมีผลโดยตรงต่อการเล่น ในตอนนั้นผมดิ้นรนมากจริง ๆ ครับ」
คาตาโนะผู้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยมาแสนยาวนาน ฤดูกาลหน้าเขาจะย้ายไปเล่นให้กับสโมสรศรีสะเกษ
ภาพโดย: ซาซากิ ยูสุเกะ
มีนักเตะอยู่หนึ่งคนที่ผู้เขียนให้ความสนใจมาโดยตลอด ชื่อของเขาคือ คาตาโนะ ฮิโรมิจิ วัย 36 ปี นักเตะแดนอาทิตย์อุทัยผู้ยังค้าแข้งอยู่ในไทยแม้อายุจะขึ้นหลักสาม เมื่อเดินทางไปถึงจุดนัดพบทางคาตาโนะก็ให้สัมภาษณ์ด้วยท่าทีนิ่งสุขุมเหมือนดั่งเดิม
――คุณคาตาโนะเรียนอยู่ที่มหาลัยจุนเทนโดสายฟุตบอลที่แสนชื่อดังนั่นใช่ไหมครับ
"ใช่ครับ ผมเติบโตมาในครอบครัวที่มีพ่อและแม่เป็นครู ด้วยความรู้สึกของผมที่อยากเป็นนักฟุตบอลและได้ใบประกอบวิชาชีพครูด้วย เลยทำให้สมัยที่อยู่กับ Tochigi SC นั้น ผมกลายเป็น "ผู้สวมรองเท้าสองข้าง" ของทั้งนักเตะและครูบาอาจารย์ เลยทำให้ผมต้องรบกวนทางสโมสรเยอะมากเลยครับ"
――หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วก็อยู่กับ Tochigi SC, Sagawa Printing SC แล้วก็ย้ายไป Giravanz Kitakyushu คุณได้กลายเป็นนักเตะเจลีคตามฝันที่เฝ้ารอ
"แต่ผมก็ได้ลงเล่นในเจลีคแค่ 1 นัดเองครับ ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล(เจอกับคุมาโมโต้)ผมถูกส่งลงในระหว่างเกม ผมน่าจะได้เล่นแค่ประมาณ 15 นาทีด้วยซ้ำไปครับ ถึงแม้จะมีความตื่นเต้นที่ได้ลงสนามและความเกร็งบ้างก็ตาม แต่ความรู้สึกโมโหที่ตัวเองไม่ได้ลงเล่นเร็วกว่านี้นั้นเป็นสิ่งที่รุนแรงกว่ามากเลยครับ ก็ตอนนั้นผมยังเด็กมากจริง ๆ (หัวเราะ)"
――คุณคาตาโนะเรียนอยู่ที่มหาลัยจุนเทนโดสายฟุตบอลที่แสนชื่อดังนั่นใช่ไหมครับ
"ใช่ครับ ผมเติบโตมาในครอบครัวที่มีพ่อและแม่เป็นครู ด้วยความรู้สึกของผมที่อยากเป็นนักฟุตบอลและได้ใบประกอบวิชาชีพครูด้วย เลยทำให้สมัยที่อยู่กับ Tochigi SC นั้น ผมกลายเป็น "ผู้สวมรองเท้าสองข้าง" ของทั้งนักเตะและครูบาอาจารย์ เลยทำให้ผมต้องรบกวนทางสโมสรเยอะมากเลยครับ"
――หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วก็อยู่กับ Tochigi SC, Sagawa Printing SC แล้วก็ย้ายไป Giravanz Kitakyushu คุณได้กลายเป็นนักเตะเจลีคตามฝันที่เฝ้ารอ
"แต่ผมก็ได้ลงเล่นในเจลีคแค่ 1 นัดเองครับ ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล(เจอกับคุมาโมโต้)ผมถูกส่งลงในระหว่างเกม ผมน่าจะได้เล่นแค่ประมาณ 15 นาทีด้วยซ้ำไปครับ ถึงแม้จะมีความตื่นเต้นที่ได้ลงสนามและความเกร็งบ้างก็ตาม แต่ความรู้สึกโมโหที่ตัวเองไม่ได้ลงเล่นเร็วกว่านี้นั้นเป็นสิ่งที่รุนแรงกว่ามากเลยครับ ก็ตอนนั้นผมยังเด็กมากจริง ๆ (หัวเราะ)"
――อะไรเป็นแรงดลใจที่ทำให้มาประเทศไทยในช่วงหลังจากนั้นหรือครับ?
"มีอดีตเพื่อนร่วมทีมที่เล่นอยู่ในเมืองไทยมาก่อนติดต่อมาครับ เขาบอกว่า "เล่นที่ต่างชาติน่าจะเข้ากว่านะ" ผมเชื่อมั่นในตัวของเพื่อนคนนี้อยู่แล้วเนื่องจากเขาเป็นคนมีเหตุมีผล รวมทั้งในเวลาเดียวกันนั้นผมก็มีความรู้สึกอยากเห็นโลกกว้างนอกเหนือจากฟุตบอลอยู่ด้วยครับ"
――แล้วสื่อสารยังไงเหรอครับ? คุณพูดภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่า?
"ไม่เลยครับ คะแนนภาษาอังกฤษของผมได้แค่ 2/5 แทบไม่สามารถใช้ในการสื่อสารชีวิตประจำวันได้เลยครับ(หัวเราะ) ตอนอยู่ที่โอสถสภานั้นก็ยังพอใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันอยู่ แต่ตอนนั้นผมก็ตั้งใจศึกษาอย่างเต็มที่เลยครับ หลังจากนั้นพอย้ายไปทีมชนบทอย่างสุโขทัย ที่นั่นภาษาอังกฤษแทบใช้การไม่ได้เลย จึงทำให้ตอนนั้นผมรู้ว่าผมต้องเรียนไทยเพิ่ม หากไม่ได้ภาษาก็จะมีผลโดยตรงต่อการเล่น ในตอนนั้นผมดิ้นรนมากจริง ๆ ครับ"
――ในปี 2015 ไปเล่นที่ฮ่องกงด้วยใช่ไหมครับ
"ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำหนดโควต้านักเตะต่างชาติด้วยครับ เพราะฉะนั้นชาวต่างชาติอย่างผมที่เล่นได้แต่แบ็คริมเส้มนั้นจึงอยู่ไม่รอด ด้วยความรู้สึกที่อยากจะหาประสบการณ์ในฐานะเซนเตอร์แบ็คด้วย ผมเลยไปที่ฮ่องกงครับ"
――หลังจากกลับมาที่เมืองไทยแล้วก็อยู่ตรงเซนเตอร์อย่างเดียว ในปี 2017 มีโอกาสลงเล่นใน Play-off ของ ACL ด้วย ได้ไปเล่นเกมเยือนเซี่ยงไฮ้ที่อากาศแสนหนาวเหน็บด้วยใช่ไหมครับ
"ทางฝั่งตรงข้ามก็เป็นช่วงพรีซีซัน ระบบในทีมยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไร ถึงฮุคและออสการ์จะเป็นนักเตะที่มีความเร็วสูงมาก แต่ก็ไม่ได้ยากเกินรับมือแต่อย่างใดครับ เพราะฉะนั้นผมเลยเจ็บใจมากจริง ๆ ที่ถูกเปลี่ยนออกกลางคัน(มีอาการบาดเจ็บ) ผมอยากจะกลับไปลงสนามในวันนั้นอีกครั้งจริง ๆ ครับ"
"มีอดีตเพื่อนร่วมทีมที่เล่นอยู่ในเมืองไทยมาก่อนติดต่อมาครับ เขาบอกว่า "เล่นที่ต่างชาติน่าจะเข้ากว่านะ" ผมเชื่อมั่นในตัวของเพื่อนคนนี้อยู่แล้วเนื่องจากเขาเป็นคนมีเหตุมีผล รวมทั้งในเวลาเดียวกันนั้นผมก็มีความรู้สึกอยากเห็นโลกกว้างนอกเหนือจากฟุตบอลอยู่ด้วยครับ"
――แล้วสื่อสารยังไงเหรอครับ? คุณพูดภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่า?
"ไม่เลยครับ คะแนนภาษาอังกฤษของผมได้แค่ 2/5 แทบไม่สามารถใช้ในการสื่อสารชีวิตประจำวันได้เลยครับ(หัวเราะ) ตอนอยู่ที่โอสถสภานั้นก็ยังพอใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันอยู่ แต่ตอนนั้นผมก็ตั้งใจศึกษาอย่างเต็มที่เลยครับ หลังจากนั้นพอย้ายไปทีมชนบทอย่างสุโขทัย ที่นั่นภาษาอังกฤษแทบใช้การไม่ได้เลย จึงทำให้ตอนนั้นผมรู้ว่าผมต้องเรียนไทยเพิ่ม หากไม่ได้ภาษาก็จะมีผลโดยตรงต่อการเล่น ในตอนนั้นผมดิ้นรนมากจริง ๆ ครับ"
――ในปี 2015 ไปเล่นที่ฮ่องกงด้วยใช่ไหมครับ
"ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำหนดโควต้านักเตะต่างชาติด้วยครับ เพราะฉะนั้นชาวต่างชาติอย่างผมที่เล่นได้แต่แบ็คริมเส้มนั้นจึงอยู่ไม่รอด ด้วยความรู้สึกที่อยากจะหาประสบการณ์ในฐานะเซนเตอร์แบ็คด้วย ผมเลยไปที่ฮ่องกงครับ"
――หลังจากกลับมาที่เมืองไทยแล้วก็อยู่ตรงเซนเตอร์อย่างเดียว ในปี 2017 มีโอกาสลงเล่นใน Play-off ของ ACL ด้วย ได้ไปเล่นเกมเยือนเซี่ยงไฮ้ที่อากาศแสนหนาวเหน็บด้วยใช่ไหมครับ
"ทางฝั่งตรงข้ามก็เป็นช่วงพรีซีซัน ระบบในทีมยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไร ถึงฮุคและออสการ์จะเป็นนักเตะที่มีความเร็วสูงมาก แต่ก็ไม่ได้ยากเกินรับมือแต่อย่างใดครับ เพราะฉะนั้นผมเลยเจ็บใจมากจริง ๆ ที่ถูกเปลี่ยนออกกลางคัน(มีอาการบาดเจ็บ) ผมอยากจะกลับไปลงสนามในวันนั้นอีกครั้งจริง ๆ ครับ"
次ページ「ตอนที่เล่นอยู่ในญี่ปุ่นนั้น ผมเอาแต่คิดเรื่องยกระดับศักยภาพของตัวเองให้สูงขึ้น」