การแข่งขันนัดสุดท้ายของเวย์น รูนีย์ ผู้ได้หวนกลับมารับใช้ทีมชาติอังกฤษอีกครั้งในวันที่ 15 พฤศจิกายน เป็นการแข่งขันนัดกระชับมิตรกับทีมสหรัฐอเมริกา รูนีย์ถูกส่งมาเล่นในครึ่งหลังซึ่งเขาก็ได้รับการยกย่องถึงคุณงามความดีที่มีอย่างมากมายในการเล่นรับใช้ทีมชาติตลอดช่วงอายุ

  การแข่งขันวันนี้ที่เป็นเกม "นัดเตะกระชับมิตรของมูลนิธิเวย์น รูนีย์" ตัวของรูนีย์ผู้สวมเสื้อหมายเลข 10 นั้นถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 58 ในขณะที่ทีมชาติอังกฤษออกนำอยู่ 2-0 เขาถูกส่งลงมาแทนเจสซี่ ลินการ์ด อดีตเพื่อนร่วมสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยกัน พร้อมกับได้รับมอบปลอกแขนกัปตันทีมมาสวมใส่อีกครั้ง
  แม้รูนีย์ในนัดนี้จะไม่สามารถทำประตูได้ก็ตาม แต่เขาก็สามารปลดล็อคการเล่นรับใช้ทีมชาตินัดที่ 120 ของตัวเองได้เป็นผลสำเร็จ

  15 ปีผ่านไปแล้วนับตั้งแต่รูนีย์ได้ลงเล่นรับใช้ทีมชาตินัดแรกตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2003 ในช่วงเวลานั้นเขาเพิ่งอายุ 17 ปีเท่านั้น เมื่อรูนีย์อำลาการเล่นให้กับทีมสิงโตคำราม จำนวนประตูที่เขาทำได้ทั้งหมดนั้นจึงจบลงที่สถิติ 53 ประตู

  รูนีย์ให้สัมภาษณ์กับ BBC ที่ทำข่าวว่า "ผมเชื่อมั่นว่าแฮรี่ เคน จะทำลายสถิติของผมได้แน่ ซึ่งผมได้มอบหมายภารกิจนี้ให้กับเขาตั้งแต่ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้นแล้ว" รูนีย์กล่าวด้วยความคาดหวังว่าแฮรี่เคนจะทำลายสถิติของตัวเขาลง

  "การได้กลับมายืนอยู่ต่อหน้าแฟนอีกครั้งมันเป็นความรู้สึกที่วิเศษมากเลย นี่คือช่วงเวลาแสนพิเศษสำหรับทั้งผมและครอบครัว"

  การกลับมาเล่นให้กับทีมชาติในหนนี้ก็มีเสียงของแฟน ๆ บางกลุ่มที่ต่อต้าน เพราะฉะนั้นรูนีย์จึงให้สัมภาษณ์ว่า "ถ้าเกิดวันนี้ผมทำประตูได้ล่ะก็ คงมีประเด็นให้ถกเถียงกันว่าลูกนี้ควรจะนับเข้าสถิติของผมดีหรือไม่ เพราะฉะนั้นก็ดีแล้วล่ะที่วันนี้ผมทำประตูไม่ได้" เป็นการเล่นมุกแบบจิกกัดเล็กน้อย

  "การได้กลับมาเยือนเวมบลีย์และมีแฟน ๆ รอต้อนรับอย่างแสนวิเศษแบบนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากเลยครับ ตอนที่อยู่ในห้องแต่งตัวนี่ทุกคนสนุกกันมากเลย"

  หลังการแข่งขันจบลง แฮรี่ เคน ก็ได้โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาโดยเมนชั่นหารูนีย์ว่า "ฉากจบที่แสนงดงามสำหรับการเตะให้กับทีมชาติของ เวย์น รูนีย์ มีเงินบริจาคเข้ามูลนิธิมากมาย มีชัยชนะที่แข็งแกร่ง นี่คือค่ำคืนที่ดีเลิศมาก"

  ทีมชาติอังกฤษได้เข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปีโดยมีนักเตะสายเลือดใหม่อย่างมากมายอาทิแฮรี่ เคน ที่เป็นแกนนำ ต้องมาดูกันต่อไปว่าทีมสิงโตคำรามชุดใหม่นี้จะสามารถคว้าแชมป์ที่เหล่ารุ่นพี่อย่างรูนีย์ไม่สามารถทำสำเร็จได้หรือไม่