โมริซากิ โคซึยูกิ ตำนานแห่งฮิโรชิมะประกาศอำลาวงการ「สาเหตุที่ยังยืนหยัดขึ้นมาใหม่ได้เสมอนั้น เป็นเพราะเหล่ากองเชียร์ที่อยู่เคียงข้างเสมอ」

2018年10月27日 サッカーダイジェストWeb編集部

「ผมยังไม่ยอมแพ้ต่อการคว้าแชมป์ในปีนี้」โมริซากิเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง

เล่นใน J1 มาทั้งหมด 427 นัด ทำไปได้ 19 ประตู เล่นให้กับ J2 ทั้งหมด 74 นัด ทำไปได้ 3 ประตู
พิธีอำลาสนามของเขานั้นจะจัดขึ้นในเกมการแข่งขันนัดที่ 33 ที่เจอกับนาโกย่าซึ่งเป็นเกมสุดท้ายที่จะเล่นในบ้านของฮิโรชิมะ

(C)SOCCER DIGEST

  ในวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา มิดฟิลด์แห่งซานเฟรซฮิโรชิมะ โมริซากิ โคซึยูกิ ประกาศแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาลนี้
 
  โมริซากิเติบโตมาจากทีมเยาวชน หลังจากเล่นในทีมเยาวชนได้ 2 ปี ในปี 1999 เขาก็ถูกแต่งตั้งให้มาเล่นกับทีมหลักของสโมสร จนกระทั่งในปี 2000 ได้เป็นผู้เล่นชุดใหญ่ของทีม นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็เป็นผู้เล่นที่มีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือทีมอยู่เสมอและพาทีมคว้าแชมป์ J1 ได้ถึง 3 หน ซึ่งทางสโมสรฮิโรชิมะจะจัดพิธีอำลาให้กับโมริซากิในนัดที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของฮิโรชิมะที่ได้เล่นอยู่ในบ้าน ตรงกับการแข่งขันเจลีคนัดที่ 33 ของฤดูกาลที่เป็นการเปิดบ้านรับการมาเยือนของสโมสรนาโกย่า
 
  หลังการประกาศอำลาของเขานั้น ทางโฮมเพจของสโมสรก็เปิดข้อความทิ้งทวนของโมริซากิเอาไว้ว่า
「กระผม โมริซากิ โคซึยูกิ จะขอประกาศอำลาการค้าแข้งในปี 2018 นี้เป็นต้นไป
 
  เวลา 22 ปีนับตั้งแต่เล่นอยู่กับทีมเยาวชนนั้น นับเป็นเวลาที่แสนยาวนานเหลือเกิน สาเหตุที่ยังทำให้ผมรับใช้สโมสรฮิโรชิมะมาได้อย่างยาวนานนั้น ก็เป็นเพราะทั้งเจ้าของสโมสร ผู้สนับสนุน กองเชียร์แต่ละคน ผู้เกี่ยวข้องกับสโมสร ครอบครัว รวมไปถึงเพื่อน ๆ เหล่านักเตะแต่ละคนนั้นต่างก็คอยเกื้อหนุนผมมาโดยตลอด
  ผมต้องขอกล่าวขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
 
  ถ้าให้นึกย้อนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่ผมเข้าสโมสรซานเฟรซฮิโรชิมะเป็นต้นมานั้น ผมก็ไม่เคยมาความคิดที่จะเล่นให้กับสโมสรอื่นอีกเลยแม้แต่น้อย
  ต่อให้ผมอำลาทีมไปแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกที่ผมมีต่อแรงกล้ากับ "ซานเฟรสฮิโรชิมะ" นั้นก็ยังคงหนักแน่นเหมือนเดิมอย่างไม่มีวันเปลี่ยนไปไหน
 
  ตลอด 20 ปีที่ผมได้เล่นในฐานะนักเตะมืออาชีพนั้น ผมได้รับประสบการณ์มาอย่างมากมาย
  สิ่งที่ดีใจที่สุดคงไม่พ้นการมีส่วนร่วมกับทีมในการคว้าแชมป์ J1 มาได้ถึง 3 สมัย สิ่งที่เสียใจที่สุดคือการที่ทีมตกชั้นไปอยู่ใน J2 รวมทั้งสภาพร่างกายของผมที่ไม่ค่อยดีจนไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมได้อย่างต่อเนื่อง ประสบการณ์ที่ผมได้รับจากสโมสรแห่งนี้นั้นไม่ได้มีแค่ความสุขอย่างเดียว ความเศร้า ความเจ็บปวดก็มีเช่นกัน
  แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่ทำให้ผมล้มแล้วแต่ยังลุกขึ้นมาอีกรอบได้ก็ไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากเสียงเชียร์ของแฟน ๆ และผู้สนับสนุนที่อยู่เคียงข้างโดยตลอดมา
  การได้มีส่วนร่วมแบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์ร่วมกันนั้น สำหรับผมแล้วมันกลายเป็นทรัพย์สมบัติที่แสนล้ำค่าในชีวิตนักเตะของผมเลยก็ว่าได้
  ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนที่มีมาอย่างยาวนาน
  แน่นอนว่าผมก็ยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่อย่างมากมาย แต่ไว้จะขอกล่าวแสดงความขอบคุณซ้ำต่อทุกท่านอีกครั้งในโอกาสใหม่ภายหลัง

  ท้ายที่สุดนี้
  ปีนี้ผมก็ยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะคว้าแชมป์ให้ได้
  ช่วยร่วมกันต่อสู้จนถึงหยดสุดท้ายด้วย
  เพราะผมเองก็จะต่อสู้จนถึงท้ายที่สุดครับ!」
 
แชร์กับเพื่อนๆ
Twitterで更新情報配信中

関連記事