ตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เขียนถึงการร่วมงานกับมิดฟิลด์ชาวญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์ที่สุดแสนจะวิเศษออกมา

  ฟรานเชสโก้ ต็อดติที่แขวนสตั๊ดในเดือนพฤษภาคมปี 2017 ด้วยอาการบาดเจ็บนั้น ปัจจุบันนี้เขาก็ยังเป็นบุคคลในตำนานที่แฟน ๆ โรม่าต่างก็เคารพรักอยู่เสมอ ซึ่งมิดฟิลด์อดีตทีมชาติอิตาลีได้เขียนหนังสือ "Un Capitano (กัปตัน)" ซึ่งเป็นหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเขาเองออกมาในวันที่ 27 กันยายน และนั่นก็สามารถเรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างยิ่ง

  ในหนังสือได้รวบรวมเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในยุคสมัยที่เขายังค้าแข้งอยู่ แต่หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจนั้นคือการเล่าเรื่องของเขาที่เกิดขึ้นกับการร่วมงานกับนากาตะ ฮิเดโทชิออกมาอีกด้วย ซึ่งสื่ออิตาลี "U24 Sport" ได้เผยแพร่เนื้อความบางส่วนออกมา


  นากาตะย้ายเข้ามาสู่สโมสรโรม่าในปี 2000-2001 จากสโมสร Perugia ถือเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับรางวัล Scudetto สิ่งที่เป็นที่จดจำของมิดฟิลด์สัญชาติญี่ปุ่นคนนี้นั้น คงไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกเหนือจากการทำประตูและมีส่วนร่วมให้ทีมตีเสมอยูเวนตุสในศึกใหญ่ (2-2) ได้อย่างแน่นอน

  ในสมัยนั้น นากาตะถูกเปลี่ยนลงสนามแทนที่ต็อดติในนาทีที่ 65 โดยทีมตามหลังอยู่ 2 ประตูและเขาก็สามารถยิงลูกจากนอกกรอบเขตโทษเข้าไปได้อย่างสวยสดงดงาม นอกจากนั้นในช่วงก่อนจบเวลาการแข่งขันเขาก็ยิงลูกจากนอกกรอบเขตโทษอีกครั้ง แต่ผู้รักษาประตูป้องกันไว้ได้ทว่ามันก็กระฉอกออกมาเป็นฝั่งของ Vincenzo Montella ที่ตามซ้ำจนทำให้ทีมตีเสมอได้ เรียกได้ว่านากาตะในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับโรงละครเลยก็ว่าได้นั่นเอง
 

  เหตุการณ์ในคราวนั้นกัปตันทีมโรม่าที่ในนัดดังกล่าวถูกส่งไปนั่งอยู่ข้างสนามนั้นได้ระบุถึงว่า


  "ในวินาทีนั้น ผมได้วิ่งเข้าไปหานากาตะแล้วก็กอดพร้อมกับหอมแก้มเขา แม้ทีมจะเป็นฝั่งเสียเปรียบเป็นอย่างยิ่งก็ตามแต่เขาก็ยังมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นอยู่เสมอ ให้ความรู้สึกเหมือนพร้อมจะแบกรับทุกอย่างได้ ในตอนนั้นผมได้พูดใส่หูของเขาว่า "นายคือพระเจ้า เจ๋งมากเลยล่ะฮิเดะ!" ออกมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเขาก็ตอบผมกลับว่า "กราเซียร์!(ขอบคุณ)" ด้วยเสียงที่ดังลั่นเช่นกัน แม้ลูกยิงของเขาจะทำให้สโมสรได้ Scudetto ไปก็ตาม แต่การที่เพื่อนร่วมทีมเข้ามาหาเขาด้วยความบ้าคลั่งนั้นคงทำให้เขารู้สึกแหยงไม่น้อยเลย"


  ต็อดติยังระบุต่อว่า "เขาเป็นเหมือนมนุษย์ต่างดาวที่กลบรัศมีตัวเองได้อย่างหมดจดราว เป็นผู้มีมารยาทดีและสงบนิ่งสุขุม เขามีโลกส่วนตัวที่ไม่สามารถให้ใครเข้ามาหาได้" ในช่วงเวลาที่เพื่อนร่วมทีมต่างก็ยินดีปรีดากับการที่โรม่าได้ Scudetto เป็นครั้งที่สามในรอบ 18 ปีนั้น นากาตะก็แสดงความ "แปลกประหลาด" ออกมา

  "พวกเราร่วมร้องเพลงกัน เต้นระบำกัน ชนแก้วกันอย่างสนุกสนาน แต่นากาตะในตอนนั้นเขาอึ้งไปเลย คือเขาก็ดูมีความสุขดีนะ แต่ท่ามกลางความบ้าคลั่งนั้นนากาตะนั่งอยู่ที่มุมห้องล็อคเกอร์แล้วก็อ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ ว่าไงดีล่ะ สงสัยเขาเป็นชาวดาวอังคารแน่ ๆ เลยล่ะ"

  การที่เจ้าชายแห่งโรม่าได้ยกนากาตะเป็น "มนุษย์ชาวดาวอังคาร" นั้นก็บ่งบอกถึงความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ยากจะจับต้องถึงของตัวนากาตะได้เป็นอย่างดี 
  ในหนังสืออัตชีวประวัติของต็อดติเขียนเรื่องราวตลอด 24 ปีที่เขาค้าแข้งเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงความหัวรั้นของกุนซือ Luciano Spalletti รวมทั้งเรื่องของความคึกคักในยามราตรีก่อนเกมการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศที่ฟุตบอลโลกในปี 2006 ที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพ