ฤดูกาลแห่งตำนานที่โรม่านิสต้า(แฟน ๆ ผู้คลั่งไคล้สโมสรโรม่า)ยังคงจดจำอยู่จนถึงทุกวันนี้นั้นคงหนีไม่พ้นฤดูกาล 2000-2001
ในยุคของทีมที่มีกุนซืออย่างฟาบิโอ คาเปลโล่คุมอยู่ ก็มีหัวหอกใหญ่อย่าง "เจ้าชาย" ฟรานเชสโก้ ต็อตติ รวมไปถึงกาเบรียล บาติสตูต้า, คาฟู, วินเซนโซ่ มอนเตลล่า, เอเมอร์สัน, วอลเตอร์ ซามูเอลและคนสุดท้ายอย่างนากาตะ ฮิเดโทชิ ผู้สร้างผลงานยอดเยี่ยมจนพาทีมไปอยู่ในจุดสูงสุดได้
ไฮไลท์สำคัญอย่างลูกยิงสุดสวยในตำนานของนากาตะที่เจอกับอันดับ 2 อย่างยูเวนตุสในตอนนั้น(การแข่งขันเซเรียอานัดที่ 29) ก็เป็นผลให้หมาป่าโรม่าเก็บสถิติคว้าชัยชนะ 22 นัด เสมอ 9 นัดและแพ้ 3 นัดที่แสนสวยหรูจนคว้าแชมป์เซเรียอาสมัยที่ 3 มาครองได้ในรอบ 18 ปี
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโรม่าก็ยังคงห่างเหินกับคำว่าคว้าแชมป์อย่างมากมาย เพราะฉะนั้นก็คงมีแฟนเป็นจำนวนไม่น้อยที่ยังคงรู้สึกตราตรึงกับช่วงเวลาแห่งตำนานเหล่านั้นจนถึงทุกวันนี้
ล่าสุดก็มีบุคคลผู้อยู่ในวงการฟุตบอลญี่ปุ่นได้ออกมาเล่าถึงตำนานในสมัยนั้นออกมาด้วย เขาไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น Antônio Carlos Zago กุนซือชาวบราซิลที่ปัจจุบันคุมสโมสร Kashima Antlers อยู่นั่นเอง
ซาโก้ผู้ค้าแข้งอยู่สโมสรโรม่าเป็นเวลา 4 ปีนับตั้งแต่ 1998 ในฤดูกาลที่ทีมคว้าแชมป์เซเรียอาได้นั้น เขาเป็นหนึ่งในสามปราการหลังร่วมกันกับซามูเอลและโจนาธาน เซบีน่าที่ช่วยเหลือทีมได้อย่างสุดแข็งแกร่ง
「มีบาติสตูต้า คาฟูและนากาตะอยู่」กุนซือคาชิม่าเล่าถึง "ฤดูกาลแห่งตำนาน" ในสมัยค้าแข้งกับโรม่า!
カテゴリ:メガクラブ
2020/06/18
เปรยถึงอนาคตของการหวนคืนทีมเก่า
ซาโก้ที่เก็บสถิติลงเตะกับทีมชาติบราซิลถึง 37 นัด ล่าสุดในวันที่ 17 มิถุนายนตามเวลาท้องถิ่น เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์กับทาง La Gazzetta dello Sport โดยระบุว่า "ผมช่างโชคดีมากเหลือเกิน ตอนผมไปโรม่าก็มีความฝันว่าจะคว้าชัยให้ได้เท่านั้น" จากนั้นเจ้าตัวก็พูดถึงวันเก่า ๆ ออกมา
"มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ภายในทีมมีแต่บุคคลที่มีบุคลิกของผู้มีชัยชนะกับทีมอื่นมาก่อนแล้ว จริงอยู่ที่สิ่งสำคัญในการคว้าชัยชนะคือความสามารถ บุคลิกและสภาพจิตใจ แต่ในปี 2001 นี่ทีมมีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างเลย ก็เพราะมีนักเตะอย่างบาติสตูต้า อัลแดร์ คาฟู เอเมอร์สัน แล้วก็นากาตะอยู่ด้วย"
จากนั้นซาโก้ก็ผูดถึงต็อตติในสมัยนั้นที่เพิ่งอายุ 25 ปีออกมาดังนี้
"ในฤดูกาลนั้นทำให้ต็อตติเติบโตขึ้นเยอะเลย ผลงานความก้าวกระโดดของเขาสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นกับโรม่าได้ นอกจากนั้นก็ยังมีนักเตะคนสำคัญ ๆ อยู่เยอะด้วย"
ต่อไปเขาก็พูดถึงทีมเก่าของตัวเองที่คว้าแชมป์ได้ครั้งสุดท้ายก็คือสมัยที่เขายังอยู่กับทีมว่า "ในการสร้างทีมขึ้นมานั้น ถ้าพานักเตะผู้มีชัยมาเข้าร่วมทีมไม่ได้ก็จะไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น" ท้ายที่สุดแล้วกุนซือชาวบราซิลวัย 51 ปีก็เผยถึงความปรารถนาที่จะหวนกลับไปยังโรม่าอีกครั้งในอนาคต
"ไม่ว่าใครจะคุมทีมก็ตาม แต่สำหรับผมแล้วผมหวังให้โรม่ากลับมาคว้าแชมป์อีกครั้งให้ได้ ที่นั่นเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผม ตลอดเวลา 19 ปีที่ผ่านมาพวกเขาโหยหาแต่การคว้าแชมป์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นผมจึงอยากให้มันเกิดขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ หากตอนนี้ทีมภายใต้ฟอนเซกาทำไม่ได้ล่ะก็ สักวันใดวันหนึ่งผมอาจจะได้กลับไปที่โรม่าอีกครั้งก็เป็นได้ล่ะมั้ง แต่นี่ก็พูดถึงเฉพาะจินตนาการอย่างเดียวเท่านั้นล่ะนะ"
ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่ายอดกุนซือผู้เข้ามาคุมทัพคาชิม่าในฤดูกาลนี้จะมีวันที่เขาได้หวนกลับรังเก่าของตัวเองหรือไม่
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest