นี่คือการคว้าแชมป์ที่คู่ควรกับการเรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง การแข่งขันพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015-2016 สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ที่ถูกยกเป็นตัวเก็งทีมตกชั้นกลับแสดงผลงานคว้าชัยชนะอย่างต่อเนื่อง เล่นอย่างมีเสถียรภาพและแข็งแกร่งจนคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของสโมสรมาครองได้สำเร็จ

  ในฤดูกาล 2014-2015 เลสเตอร์กระเสือกกระสนจนสามารถเอาตัวรอดจากการตกชั้นได้อย่างหืดจับ เพราะฉะนั้นการที่ในฤดูกาลถัดมาจะถูกมองเป็นตัวเก็งทีมตกชั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

  ทว่าการคุมทีมของคลาวดิโอ รานิเอรี่ที่เข้ามาแทนที่ นิเกล แพร์สันที่ถูกปลดออกจากปัญหาของลูกชายในช่วงฤดูร้อน 2015 นั้นทำให้สภาพของทีมพลันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

  ท่ามกลางสายตาของคนหมู่มากที่ "แค่รอดตกชั้นก็บุญแล้ว" เลสเตอร์ภายใต้รานิเอรี่ที่มีนักเตะอย่างแดนนี่ ดริงก์วอเตอร์, เอ็นโกโล ก็องเต้, ริยาด มาห์เรซ, โอกาซากิ ชินจิและเจมี่ วาร์ดี้นั้นก็แสดงผลงานออกมาอย่างยอดเยี่ยม พวกเขาคว้าชัยชนะ คอยสะสมคะแนนอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดก็ขึ้นแท่นจุดสูงสุดของพรีเมียร์ลีกได้

  ล่าสุดวาร์ดี้ที่เป็นหัวหอกคนสำคัญของ "ปาฏิหาริย์แห่งเลสเตอร์" ได้ออกมาพูดถึงช่วงเวลานั้นออกมา
 

  ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษผู้สร้างสถิติใหม่ที่แสนงดงามด้วยการยิงประตูต่อเนื่อง 11 นัดอย่างไม่หยุดหย่อนนั้น สื่ออังกฤษอย่าง BT Sport ในรายการ What I Wore ที่เป็นการเชิญแขกรับเชิญให้พูดถึงเรื่องราวในอดีต โดยวาร์ดี้ที่สวมชุดทีมเหย้าในสมัยนั้นได้รำลึกเรื่องราวออกมาดังนี้

  "การคว้าแชมป์ในตอนนั้นมันเป็นปาฏิหาริย์จริง ๆ หลานผมพูดเป็นพันรอบเลยว่ามันคือเรื่องราวที่เหลือเชื่อ ในตอนนั้นผมเพ่งสมาธิกับการแข่งขันทีละนัด ตอนเริ่มฤดูกาลพวกเรารับเรื่องว่า "ตั้งเป้าหมายที่เก็บ 40 แต้มเพื่อรอดตกชั้นก็พอแล้ว"

  จนกระทั่งพอผ่านมาครึ่งฤดูกาลพวกเราก็เก็บได้ 39 แต้ม ในตอนนั้นกุนซือบอกว่าอีก 19 นัดที่เหลือขออีกแต้มเดียวก็พอ ซึ่งผมก็คิดว่า "เยี่ยม! แค่เก็บแต้มเดียวจาก 19 นัดก็พอแล้ว" ทว่ากุนซือกลับตอบว่า "ไม่ใช่นะ อีก 19 นัดน่ะต้องเก็บ 40 แต้มให้ได้" พวกเราถูกเขามองอย่างทะลุปรุโปร่งเลยล่ะครับ(หัวเราะ)"

  วาร์ดี้ระบุว่า "ทุกอย่างมันเป็นไปได้ด้วยดี พวกเราชนะแล้วขนะอีก ชนะต่อไปเรื่อย ๆ ตอนที่ได้ถือถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อมากจริง ๆ" เขาบอกเล่าวินาทีที่คว้าแชมป์มาครอบครองได้สำเร็จ

  เลสเตอร์ซิตี้คว้าแชมป์ระดับปาฏิหาริย์ที่กลายเป็นที่เล่าขานไปทั่วทั้งโลกไม่เพียงแต่วงการฟุตบอลอังกฤษ ห้วงวินาทีที่คว้าชัยชนะนั้นมันคงกลายเป็นประสบการณ์สำหรับเหล่านักเตะที่ไม่สามารถหาอะไรมาเทียบเคียงได้อย่างแน่นอนเลย

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest