เปาโล่ มัลดินี่ ตำนานสโมสรเอซีมิลานและวงการลูกหนังอิตาลี(ปัจจุบันเป็นเทคนิคัลไดเรกเตอร์ของสโมสร)ได้ประกาศในวันที่ 21 มีนาคมว่าเขาและลูกชายอายุ 18 ปี แดเนียลได้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
วันที่ 24 มีนาคมตามเวลาท้องถิ่น มัลดินี่ที่ให้สัมภาษณ์กับทางหนังสือพิมพ์อิตาลี Corriere della Sera หลังหายจากโควิดว่า "คล้าย ๆ กับไข้หวัดใหญ่แต่รุนแรงกว่า แต่มันไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ธรรมดาแน่ ๆ" เจ้าตัวระบุเช่นนั้น
"ไม่รู้เหมือนกันว่าติดมาจากที่ไหน แต่ภรรยาของผมเป็นไข้หวัดใหญ่มานานมาก มันเป็นอะไรที่แปลกมากจริง ๆ เธอต้องนอนพักตลอด 3 สัปดาห์ จนในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ลูกชายคนโตคริสเตียนก็มีอาการป่วยแบบไข้หวัดใหญ่ชนิดรุนแรงด้วย เขาน่าจะหนักที่สุดในครอบครัวแล้ว"
มัลดินี่ไม่เข้าใจถึงระดับของความรุนแรงในช่วงแรก แต่พอทราบว่าเพื่อนที่เขาเจอในเดือนกุมภาพันธ์และเพื่อนร่วมงานมีผลเป็นบวก เจ้าตัวก็จึงไปทำการตรวจก็พบกับผลบวกเช่นเดียวกัน ซึ่งมัลดินี่ได้ระบุว่า "ทำให้รู้เลยว่าติดไวรัสมาก่อนแล้ว" เจ้าตัวระบุเช่นนั้น
"มันไม่เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ด้วย เพราะไข้หวัดใหญ่สามารถรักษาให้หายด้วยวัคซีน แน่นอนครับก็กังวล แดเนียลอาศัยอยู่ที่บ้านด้วย เขามีทั้งความเจ็บปวดและมีไข้ เขาอายุยังน้อยแต่ก็น่าจะมีอาการรุนแรงที่สุดในบ้านแล้ว ภรรยากับลูกชายคนโตเป็นผลลบ แต่ผมว่ามันแพร่ไปทั้งบ้านแล้วล่ะ ที่เป็นผลลบก็เพราะพวกเขาหายแล้ว"
「น่าจะติดกันทั้งบ้าน」มัลดินี่ที่หายจากโควิดออกมาเปิดเผยถึงความวิปลาศตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
カテゴリ:ワールド
2020/03/25
พูดถึงเซเรียอาว่า "ก็ควรเตะให้จบฤดูกาล..."
ขณะนี้การแข่งขันฟุตบอลทั่วทั้งยุโรปต้องหยุดชะงัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเซเรียอาที่หยุดก่อนใครเพื่อน โดยมัลดินี่ได้ระบุว่า "การแข่งขันลีกควรสู้กันจนถึงจุดจบนะ เพียงแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะจบลงตอนไหน" เจ้าตัวเปรยเช่นนั้น
"เข้าใจว่าการพักผ่อนหย่อนใจคือเรื่องสำคัญ เพียงแต่ว่านอกจากการแข่งขันแล้วการฝึกซ้อมยังต้องมีความสม่ำเสมอด้วย ไม่อย่างนั้นจะเล่นฟุตบอลไม่ได้ นอกจากนั้นแล้วยังต้องให้ทุกทีมอยู่ในสภาพเดียวกันด้วย ตอนนี้มีทีมอย่างซามพ์โดเรียที่ได้รับอิทธิพลหนัก นักเตะแข้งสำคัญของยูเวนตุสก็มีผลบวกด้วย"
จากนั้นเมื่อวกมาเรื่องประเด็นฟุตบอล มัลดินี่ก็ถูกถามถึงการแข่งขัน UEFA Champions League รอบชิงชนะเลิศในปี 2005 ที่ลิเวอร์พูลพลิกคว้าแชมป์ได้ทั้งที่ตามหลังอยู่ 3 ประตูที่ผู้คนเรียกขานเป็น "ค่ำคืนแห่งปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล"
มัลดินี่ระบุว่า "มีข่าวออกมาว่าพวกเราฉลองกันตั้งแต่พักครึ่ง แต่มันไม่ใช่ความจริงเลย พวกเราทะเลาะกันต่างหาก" เขาเปิดเผยเรื่องราวหลังฉากออกมา
"มีการต่อบอลผิดพลาด พวกเราเถียงกันในเรื่องไร้สาระมาก จนคาร์โล อันเชล็อตติต้องตะโกนเลย "ทุกคนหุบปากไป 5 นาที!" เลยทำให้พวกเราปิดปากเงียบแล้วก็พูดกันอย่างใจเย็น การแข่งขันนัดชิงแชมป์เปี้ยนส์ลีกเป็นอะไรที่เครียดมาก ๆ เลยครับ ที่สำคัญฟุตบอลก็เป็นกีฬาที่คาดเดาอะไรไม่ได้จริง ๆ เลยด้วย"
ยิ่งพอพูดคุยเรื่องประเด็นฟุตบอลแบบนี้แล้วยิ่งอยากให้วันวานที่ทำให้พวกเราได้พูดจากันเรื่องฟุตบอลอย่างสนุกสนานนั้นกลับมาในเร็ว ๆ วันเลย
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest