"ถ้าจำเป็นต้องเข้าคุกล่ะก็..."
เจ้าตัวโยวิชรู้สึกผิดกับกระแสต่อต้าน กระนั้นพ่อกลับกล่าวคัดค้าน (C) Getty Images
ศูนย์หน้าทีมชาติเซอร์เบียของเรอัลมาดริดตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดไปทั่วทั้งโลก ล่าสุดมีนักเตะหนึ่งคนที่โดนรุมประนามอย่างหนักหน่วง เขาก็คือลูก้า โยวิช
จากการรายงานของหนังสือพิมพ์สเปน Marca ระบุว่า ศูนย์หน้าทีมชาติเซอร์เบียวัย 22 ปีผู้เดินทางจากสเปนกลับมายังเซอร์เบีย เขาเพิกเฉยต่อคำสั่ง "กักตัว 28 วัน" แล้วเดินทางไปย่านดาวน์ทาวน์ของเมืองหลวง Belgrade เพื่อร่วมงานวันเกิดแฟนสาวของเขา
ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง โดยนายกรัฐมนตรีของเซอร์เบีย Ana Brnabić ได้ออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวว่า "ถ้าเทียบกับชีวิตของนักกีฬาซูเปอร์สตาร์ไม่กี่คนแล้ว ชีวิตของผู้คนนับล้านคนมีความสำคัญมากยิ่งกว่า" ส่วนรองนายกรัฐมนตรี Nebojša Stefanović ก็ออกมาวิจารณ์เพิ่มเติมว่า "ถ้าไม่ปฏิบัติตามกฎหมายล่ะก็ ไม่ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังแค่ไหนก็ต้องเข้าคุกหมด" จนทำให้ประเด็นนี้ใหญ่โตคึกโครม
เจ้าตัวโยวิชได้ออกมาระบุว่า "ผมผิดเองที่ไม่รู้กฎระเบียบ" และ "ผมเตรียมการเพื่อรับผลลัพธ์ในการกระทำของตัวเองแล้ว" แม้เจ้าตัวจะแสดงความรู้สึกผิดเช่นนั้นแต่บิดาของเขาที่ชื่อว่ามิลันได้ระบุว่า "ลูกชายไม่ได้ทำอะไรผิด" พร้อมกับทำการปฏิเสธข่าวต่าง ๆ ผ่านทางการรายงานของ Marca ดังนี้
"ถ้าลูกชายของผมทำผิดจริงก็เห็นด้วยที่เขาต้องเข้าคุก ผมเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีแต่ก็เฉพาะในกรณีที่ลูกชายของผมมีความผิดจริงเท่านั้น สิ่งที่รัฐบาลทำนั้นถูกต้องแล้วถ้าเขามีความผิดจริง แต่นับตั้งแต่ที่เขามาถึงเบลเกรดแล้วเขาก็ขลุกตัวอยู่ในอพาร์ทเมนต์อย่างเดียวเท่านั้น
ภาพถ่ายที่เห็นลูกชายผมสนุกสนานในงานปาร์ตี้(กับภรรยา)นั้นเป็นภาพที่สเปน มันเป็นภาพที่ถ่ายมาตั้งหลายเดือนก่อน โซเฟีย(ภรรยา)กำลังตั้งท้องอยู่ ไม่สามารถออกไปจากอพาร์ตเมนต์ได้"
ท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดไปทั่วทั้งโลก ล่าสุดมีนักเตะหนึ่งคนที่โดนรุมประนามอย่างหนักหน่วง เขาก็คือลูก้า โยวิช
จากการรายงานของหนังสือพิมพ์สเปน Marca ระบุว่า ศูนย์หน้าทีมชาติเซอร์เบียวัย 22 ปีผู้เดินทางจากสเปนกลับมายังเซอร์เบีย เขาเพิกเฉยต่อคำสั่ง "กักตัว 28 วัน" แล้วเดินทางไปย่านดาวน์ทาวน์ของเมืองหลวง Belgrade เพื่อร่วมงานวันเกิดแฟนสาวของเขา
ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง โดยนายกรัฐมนตรีของเซอร์เบีย Ana Brnabić ได้ออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวว่า "ถ้าเทียบกับชีวิตของนักกีฬาซูเปอร์สตาร์ไม่กี่คนแล้ว ชีวิตของผู้คนนับล้านคนมีความสำคัญมากยิ่งกว่า" ส่วนรองนายกรัฐมนตรี Nebojša Stefanović ก็ออกมาวิจารณ์เพิ่มเติมว่า "ถ้าไม่ปฏิบัติตามกฎหมายล่ะก็ ไม่ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังแค่ไหนก็ต้องเข้าคุกหมด" จนทำให้ประเด็นนี้ใหญ่โตคึกโครม
เจ้าตัวโยวิชได้ออกมาระบุว่า "ผมผิดเองที่ไม่รู้กฎระเบียบ" และ "ผมเตรียมการเพื่อรับผลลัพธ์ในการกระทำของตัวเองแล้ว" แม้เจ้าตัวจะแสดงความรู้สึกผิดเช่นนั้นแต่บิดาของเขาที่ชื่อว่ามิลันได้ระบุว่า "ลูกชายไม่ได้ทำอะไรผิด" พร้อมกับทำการปฏิเสธข่าวต่าง ๆ ผ่านทางการรายงานของ Marca ดังนี้
"ถ้าลูกชายของผมทำผิดจริงก็เห็นด้วยที่เขาต้องเข้าคุก ผมเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีแต่ก็เฉพาะในกรณีที่ลูกชายของผมมีความผิดจริงเท่านั้น สิ่งที่รัฐบาลทำนั้นถูกต้องแล้วถ้าเขามีความผิดจริง แต่นับตั้งแต่ที่เขามาถึงเบลเกรดแล้วเขาก็ขลุกตัวอยู่ในอพาร์ทเมนต์อย่างเดียวเท่านั้น
ภาพถ่ายที่เห็นลูกชายผมสนุกสนานในงานปาร์ตี้(กับภรรยา)นั้นเป็นภาพที่สเปน มันเป็นภาพที่ถ่ายมาตั้งหลายเดือนก่อน โซเฟีย(ภรรยา)กำลังตั้งท้องอยู่ ไม่สามารถออกไปจากอพาร์ตเมนต์ได้"
มิลันผู้ออกมาสวนกลับกระแสต่อต้านลูกชายของตัวเองนั้นเขามองว่าเหตุการณ์ในคราวนี้มัน "มากเกินไป" โดยพูดออกมาว่า
"ทุกคนทำอย่างกับลูกชายของผมเป็นอาชญากร เขากลับมาเซอร์เบียก็เพราะอยากอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งบ้าน... เขาพยายามหาทางช่วยเหลือประเทศในหลาย ๆ รูปแบบเช่นเรื่องของเงินทองอยู่เสมอ กระแสวิจารณ์มันหนักข้อเกินไปแล้ว มีแต่ประเด็นอะไรก็ไม่รู้ แค่มองดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็รู้สึกเจ็บปวดแล้ว"
ณ เวลาปัจจุบันนี้ยังไม่มีการตัดสินลงโทษอะไรโยวิชทั้งนั้น ก็ไม่ทราบได้เหมือนกันว่าข่าวที่ออกมามันเป็นเรื่องเท็จ หรือข้อโต้แย้งของพ่อเป็นเรื่องที่กุขึ้นมากันแน่ ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าบทสรุปจะลงเอยอย่างไร
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest
"ทุกคนทำอย่างกับลูกชายของผมเป็นอาชญากร เขากลับมาเซอร์เบียก็เพราะอยากอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งบ้าน... เขาพยายามหาทางช่วยเหลือประเทศในหลาย ๆ รูปแบบเช่นเรื่องของเงินทองอยู่เสมอ กระแสวิจารณ์มันหนักข้อเกินไปแล้ว มีแต่ประเด็นอะไรก็ไม่รู้ แค่มองดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็รู้สึกเจ็บปวดแล้ว"
ณ เวลาปัจจุบันนี้ยังไม่มีการตัดสินลงโทษอะไรโยวิชทั้งนั้น ก็ไม่ทราบได้เหมือนกันว่าข่าวที่ออกมามันเป็นเรื่องเท็จ หรือข้อโต้แย้งของพ่อเป็นเรื่องที่กุขึ้นมากันแน่ ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าบทสรุปจะลงเอยอย่างไร
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest