งดงามเป็นที่สุด
สื่อท้องถิ่นยกย่องลูกยิงฟรีคิกของนากามูระ ชุนสุเกะที่ Celtic Park ที่ทำให้แฟน ๆ บ้าคลั่งกันทั้งสนาม
(C) Getty Images
ย้อนไปเมื่อ 14 ปีก่อน การสังหารลูกฟรีคิกสุดงดงามของเทพเจ้าแข้งซ้ายชาวญี่ปุ่นนั้น ทุกวันนี้ลูกยิงของเขาก็ยังคงเป็นที่จดจำของแฟน ๆ ท้องถิ่นอย่างไม่เสื่อมคลาย
หนังสือพิมพ์ Daily Record ลงข่าว "21 ห้วงวินาทีแห่งความจดจำแห่งเซลติกในศตวรรษที่ 21" เป็นสกู๊ปพิเศษ ซึ่งหนึ่งในนั้นคืออดีตมิดฟิลด์ทีมชาติญี่ปุ่น นากามูระ ชุนสุเกะ(ปัจจุบันอยู่โยโกฮาม่า FC) ที่ทำประตูจากลูกฟรีคิกใส่สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีกได้นั่นเอง
นากามูระในสมัยนั้นสังกัดอยู่สโมสร Celtic ยอดทีมแห่งสกอตแลนด์ ในตอนนั้นเซลติกอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งนากามูระก็ยิงลูกฟรีคิก 2 ลูกได้จากการแข่งขันทั้งสองนัดที่งดงามวิจิตรตระการตาเหลือเกิน
ครั้งแรกสุดที่น่าจดจำคือเกมในวันที่ 13 กันยายน 2006 ในรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกในสนามโอลด์ทราฟฟอร์ด นาที 43 ที่ทีมตามหลังอยู่ 1-2 นากามูระรับหน้าที่ยิงฟรีคิกระยะ 30 เมตรจากปากประตูด้วยเท้าซ้ายชั่งทองคำระดับตำนานของเขา ลูกปั่นโค้งราวกับเป็นกงเล็บตุงตาข่ายอย่างงดงาม
ในตอนนั้นนายทวารมือหนึ่งของแมนยูอย่างเอ็ดวิน ฟานเดอซาถึงกับแข็งทื่อไปกับที่ เขาขยับตัวไม่ได้เลย นับเป็นลูกยิงฟรีคิกที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง
เพลย์เมคเกอร์ผู้กลายเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกที่ยิงประตูได้ในเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีกนั้น การแข่งขันนัดที่ 5 ที่ต้อนรับแมนยูในสนามเซลติกปาร์คเขาก็ยังจำลองฉากดังกล่าวขึ้นมาได้อีกครั้ง
นาที 81 ขณะที่ทีมเสมอกันแบบไม่มีประตู ลูกยิงฟรีคิกที่กลายเป็นลูกประวัติศาสตร์ที่ทำให้สโมสรเซลติกทะลุรอบแบ่งกลุ่มของเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีกสำเร็จนั้นมาจากจังหวะฟรีคิกที่เหมือนกันกับในนัดแรก คราวนี้นากามูระก็ยังรับหน้าที่สังหารดังเดิม หากเขาทำประตูได้ล่ะก็จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในนัดนี้ ทุกสายตาของแฟน ๆ ในสนามต่างก็จับจ้องมายังที่เท้าข้างซ้ายของเขา
นากามูระผู้ยิงประตูท่ามกลางบรรยากาศสุดตึงเครียดนั้น เขาสามารถปั่นโค้งให้ลูกมุดเข้าสามเหลี่ยมมุมขวาบนของประตูได้ราวกับวาดภาพ การทำประตูของเขาทำให้แฟน ๆ เซลติกระเบิดความคุ้มคลั่งกันขึ้นมาอีกครั้ง
หนังสือพิมพ์ Daily Record ลงข่าว "21 ห้วงวินาทีแห่งความจดจำแห่งเซลติกในศตวรรษที่ 21" เป็นสกู๊ปพิเศษ ซึ่งหนึ่งในนั้นคืออดีตมิดฟิลด์ทีมชาติญี่ปุ่น นากามูระ ชุนสุเกะ(ปัจจุบันอยู่โยโกฮาม่า FC) ที่ทำประตูจากลูกฟรีคิกใส่สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีกได้นั่นเอง
นากามูระในสมัยนั้นสังกัดอยู่สโมสร Celtic ยอดทีมแห่งสกอตแลนด์ ในตอนนั้นเซลติกอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งนากามูระก็ยิงลูกฟรีคิก 2 ลูกได้จากการแข่งขันทั้งสองนัดที่งดงามวิจิตรตระการตาเหลือเกิน
ครั้งแรกสุดที่น่าจดจำคือเกมในวันที่ 13 กันยายน 2006 ในรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกในสนามโอลด์ทราฟฟอร์ด นาที 43 ที่ทีมตามหลังอยู่ 1-2 นากามูระรับหน้าที่ยิงฟรีคิกระยะ 30 เมตรจากปากประตูด้วยเท้าซ้ายชั่งทองคำระดับตำนานของเขา ลูกปั่นโค้งราวกับเป็นกงเล็บตุงตาข่ายอย่างงดงาม
ในตอนนั้นนายทวารมือหนึ่งของแมนยูอย่างเอ็ดวิน ฟานเดอซาถึงกับแข็งทื่อไปกับที่ เขาขยับตัวไม่ได้เลย นับเป็นลูกยิงฟรีคิกที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง
เพลย์เมคเกอร์ผู้กลายเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกที่ยิงประตูได้ในเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีกนั้น การแข่งขันนัดที่ 5 ที่ต้อนรับแมนยูในสนามเซลติกปาร์คเขาก็ยังจำลองฉากดังกล่าวขึ้นมาได้อีกครั้ง
นาที 81 ขณะที่ทีมเสมอกันแบบไม่มีประตู ลูกยิงฟรีคิกที่กลายเป็นลูกประวัติศาสตร์ที่ทำให้สโมสรเซลติกทะลุรอบแบ่งกลุ่มของเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีกสำเร็จนั้นมาจากจังหวะฟรีคิกที่เหมือนกันกับในนัดแรก คราวนี้นากามูระก็ยังรับหน้าที่สังหารดังเดิม หากเขาทำประตูได้ล่ะก็จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในนัดนี้ ทุกสายตาของแฟน ๆ ในสนามต่างก็จับจ้องมายังที่เท้าข้างซ้ายของเขา
นากามูระผู้ยิงประตูท่ามกลางบรรยากาศสุดตึงเครียดนั้น เขาสามารถปั่นโค้งให้ลูกมุดเข้าสามเหลี่ยมมุมขวาบนของประตูได้ราวกับวาดภาพ การทำประตูของเขาทำให้แฟน ๆ เซลติกระเบิดความคุ้มคลั่งกันขึ้นมาอีกครั้ง
ทางสื่ออย่าง BBC ได้ลงบทสัมภาษณ์ของฟานเดอซาหลังจบการแข่งขันว่า "ไม่ได้จะแก้ตัวอะไรนะ แต่พอโดนลูกยิงแบบนี้ในฐานะผู้รักษาประตูก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น" ลูกยิงสุดเจิดจรัสในวันนั้นกลายเป็นตำนานของแฟน ๆ เซลติกจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งทางสื่ออย่าง Daily Record ได้พูดถึงบรรยากาศเมื่อวันวานออกมาว่า
"นากะฝังแมนยูลงได้ ผลงานความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Gordon Strachan(กุนซือในฤดูกาล 2005-2009)ที่คุมเซลติกนั้นคือการเอาชนะเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันและคริสเตียโน่ โรนัลโด้จนพาทีมเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายสำเร็จ ซึ่งผู้ที่นำพาทีมสู่รอบตัดเชือกนั้นคือผู้สันทัดลูกตั้งเตะเฉพาะทางอย่างนากามูระ ชุนสุเกะ ที่เป็นการทำประตูที่แสนยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นเอง"
อนึ่ง นอกจากประตูนี้แล้วยังมีประตูของ Chris Sutton ที่ยิงยูเวนตุสรวมไปถึงลูกยิงโค้งสุดสวยของ Henrik Larsson ในเกมเจอกับเรนเจอร์สอีกด้วย ไม่ว่าจะจังหวะไหนแต่ก็ล้วนเป็นช็อตยิงระดับตำนานของสโมสรกันหมดเลย
เพราะฉะนั้นลูกเตะฟรีคิกของนากามูระที่ถูกเลือกมาเคียงข้างลูกยิงดังกล่าวนั้นถ้าไม่ถูกเรียกเป็น "ตำนาน" ก็ไม่รู้จะเรียกเป็นอะไรอีกแล้ว
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest
次ページ【VIDEO】ลูกยิงฟรีคิกในตำนานของนากามูระที่ฝังแมนยูอยู่ทางนี้!