สืบเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลก ทางด้านยุโรปที่สถานการณ์เลวร้ายขึ้นในทุกวันนั้นจำเป็นต้องหยุดการแข่งขันเกมลีกของแต่ละประเทศลงชั่วคราว ทางเจลีกของญี่ปุ่นก็ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปอีกครั้ง โดยล่าสุดในวันที่ 19 มีนาคมก็มีการประกาศออกมาแล้วว่าฤดูกาลนี้จะไม่มีการปรับทีมตกชั้นทั้งสิ้น สถานการณ์ทุกอย่างวุ่นวายโกลาหลแบบที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนอย่างแท้จริง

  ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้คงจินตนาการได้ไม่ยากเลยว่าเหล่านักเตะชาวต่างชาติที่มาค้าแข้งอยู่ญี่ปุ่นนั้นคงรู้สึกกังวลกันไม่น้อยแน่ ล่าสุดศูนย์หน้าชาวบราซิล Raphael Marques แห่งสโมสร Ventforet Kofu ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อบราซิล Esporte Interativo โดยพูดถึงสถานการณ์ของญี่ปุ่นออกมา

  ราฟาเอลที่เคยค้าแข้งอยู่กับสโมสร Omiya Ardija ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2009 เป็นเวลาสามปีครึ่งนั้นในฤดูกาลนี้เขาย้ายมาเล่นกับโคฟุ เขาเป็นไพ่ตายของโคฟุที่จะช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้น J1 โดยการแข่งขันนัดประเดิมสนามที่เจอกับ FC Machida Zelvia เขาก็ลงสนามเป็นตัวจริง(ทีมเสมอ 0-0) เจ้าตัวได้ประเดิมนัดแรกของตัวเองกับทีมใหม่แล้ว ทว่าหลังจากนั้นไม่นานการแข่งขันลีกต้องหยุดลงชั่วคราว สถานการณ์ผิดปกติดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน

  ท่ามกลางการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่แสนยากลำบาก ภายในเมืองที่ผ้าปิดปากอนามัยขาดแคลนและกระดาษทิชชู่ห้องน้ำขาดตลาด ทางราฟาเอลได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า "ตอนที่เจอหน้าเพื่อนนักเตะนั้น สิ่งที่เจ๋งมากคือทางสโมสรบอกให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวกับเพื่อนร่วมทีม" เขาพูดคำเตือนจากทางสโมสรออกมาแล้วอธิบายเพิ่มเติมว่า

  "สถานการณ์มันดีขึ้นเรื่อย ๆ นะ แต่หลังจากฝึกซ้อมเสร็จแล้ว ถ้าไม่มีของจำเป็นอะไรที่จะต้องซื้อส่วนใหญ่ก็อยู่บ้านเป็นหลัก"

  แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวราฟาเอลก็ยังยืนกรานว่า "ไม่มีความคิดที่จะกลับบราซิล" ซึ่งเขาได้พูดถึงเหตุการณ์มหันตภัยแผ่นดินไหวทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่นเมื่อ 9 ปีก่อนออกมาดังนี้
 

  "ในปี 2011 ตอนที่ญี่ปุ่นมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มันทำให้ผมได้สัมผัสถึงมหันตภัยทางธรรมชาติได้เป็นครั้งแรก แต่ในตอนนั้นเองผมก็ได้พบเห็นการร่วมแรงร่วมใจของคนญี่ปุ่นกับผู้อื่นอยู่เสมอ แม้ในตอนนั้นจะมีคลื่นลูกใหญ่ซัดถล่ม แต่ในอีก 6 เดือนต่อมาทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ สถานการณ์คลี่คลายอย่างช้า ๆ

  คนญี่ปุ่นคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พวกเขามีหัวใจที่แสนวิเศษที่คิดถึงหัวอกของคนอื่นและร่วมมือร่วมใจกันเสมอ ไม่ว่าจะตอนไหนพวกเขาก็ล้วนแต่แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นแม้กระทั่งในช่วงนี้ที่ไวรัสสายพันธุ์ใหม่กำลังแพร่ระบาดในจุดสูงสุดอยู่นั้นผมก็ไม่คิดที่จะกลับบราซิลหรอกครับ แน่นอนว่ามันก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่ก็ต้องเฝ้าระวังกันต่อไป"

  ศูนย์หน้าวัย 36 ปีที่มีความเคารพต่อญี่ปุ่นเต็มเปี่ยมนั้นเขาได้กล่าวทิ้งทวนดังนี้

  "อันที่จริงผมก็อยากกลับมาญี่ปุ่นตั้งนานแล้วครับ ผมมีความรักต่อประเทศนี้อย่างชัดเจน หลังประสบกับมหันตภัยในคราวนั้นผมก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากจริง ๆ ทั้งในฐานะมืออาชีพและในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งในฐานะคน ๆ หนึ่งนั้นผมก็ดีใจมากจริง ๆ ที่ได้กลับมาที่นี่ ต้องขอขอบคุณสโมสรโคฟุที่เปิดประตูต้อนรับให้ผมกลับมา"

  แม้ตอนนี้จะยังไม่ทราบว่าเจลีกจะกลับมาเตะกันอีกครั้งเมื่อไร แต่ราฟาเอลที่บอกเล่าความรักที่มีต่อประเทศญี่ปุ่นอย่างร้อนแรงออกมานั้นก็อยากจะเห็นเขาลงสนามเล่นในเร็ววันเหลือเกิน

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest