การบุกเข้ามาในพื้นที่สนามของแฟน ๆ นั้นแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับได้แต่อย่างไร โดยเฉพาะยิ่งหากเกิดเหตุการณ์ดังนั้นถึง 3 ครั้ง แม้แต่ซูเปอร์สตาร์ผู้มีใจกว้างเป็นมหาสมุทรก็ยังแสดงความฉุนเฉียวออกมาได้
  
  วันที่ 11 ธันวาคมตามเวลาท้องถิ่น การแข่งขันศึก UEFA Champions League รอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย สโมสร Juventus ต้องบุกไปเยือน Bayer Leverkusen โดยตลอดการแข่งขันนัดนี้มีแฟน ๆ ลงมาในสนามเพื่อเข้ามาหาคริสเตียโน่ โรนัลโด้ถึง 3 ครั้ง

  โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในนาที 87 ขณะที่อยู่ยูเว่นำอยู่ 1-0 จากประตูของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในขณะที่ยูเว่กำลังจะได้ลูกตั้งเตะนั้นก็มีแฟนที่สวมเสื้อทีมสีขาวดำวิ่งลงมาในสนามเข้ามาสวมกอด ซึ่งโรนัลโด้เองก็โอบกอดกลับด้วยมือทั้งสองข้างอย่างใจกว้าง และแล้วชายคนดังกล่าวก็ถูกฝ่ายรักษาความปลอดภัย "สวมกอด" ลากตัวออกไป

  จนกระทั่งเมื่อกอนซาโล่ ฮิกวาอินยิงประตูตอกย้ำได้อีก 1 ลูกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 4 ซึ่งเป็นการการันตีชัยชนะของทีมได้แล้วนั้นโรนัลโด้ก็ถูกบุกรุกมาด้วยแฟนอีกหนึ่งคน แม้ในหนแรกเจ้าตัวจะยิ้มรับกลับไป ทว่าในหนนี้ขณะที่การแข่งขันยังไม่จบลงแล้วถูกบุกมานั้นโรนัลโด้ก็ทำการหลีกหนีอย่างพลิ้วไหว

  จากนั้นในอีกหนึ่งนาทีต่อมาเมื่อนกหวีดหมดเวลาการแข่งขันดังขึ้น โรนัลโด้ที่กำลังแสดงความยินดีกับเพื่อนร่วมทีมหลังจากคว้าชัยชนะนั้นก็มีชายฉกรรจ์บุกมาอีกหนึ่งคน เจ้าตัวถือโทรศัพท์มือถือไว้หนึ่งข้างแล้วก็เข้าไปด้านหลังของโรนัลโด้ ใช้มือซ้ายขึ้นพาดคอของโรนัลโด้ประมาณเหมือนจะโอบไหล่ขอเซลฟี่ด้วย

  ทว่าทันใดนั้นชายฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่รีบวิ่งตามหลังมาก็ใช้แขนทั้งสองข้างดึงร่างของชายคนนั้นจึงทำให้ร่างของโรนัลโด้จึงถูกดึงตามไปจนเกือบจะล้มลง ในตอนนั้นเขาจึงแสดงความฉุนเฉียวออกมา เขาหันไปเขม่นใส่ฝั่งตรงข้ามแล้วก็ยกแขนข้างซ้ายขึ้นด้วยความฉุนเฉียว

  แม้หลังจากนั้นเพื่อนร่วมทีมอย่างบุฟฟ่อนรวมไปถึงโบนุชชี่จะเข้ามาโอบกอดแสดงความยินดีก็ตาม แต่โรนัลโด้ก็ยังไม่มีสีหน้าเบิกบานไปด้วย เขาไม่สามารถยิ้มและหัวเราะระหว่างกอดกับเพื่อนได้เลย

  ทางสื่ออิตาลีอย่าง Calciomercato.com ได้พูดถึงจังหวะดังกล่าวว่า "ครั้งแรกยังหัวเราะและแสดงความรัก ครั้งสองก็เริ่มหงุดหงิด ครั้งสามคือเหลืออด" เป็นการบรรยายให้เห็นภาพออกมา

  แต่ในความเป็นจริงแล้วครั้งแรกสุดก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถยิ้มและปล่อยให้ผ่านไปได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องความปลอดภัยในตัวของนักเตะ ก็ได้แต่หวังว่าเหตุการณ์นี้จะกลายเป็นบทเรียนเพื่อให้ไปแก้ไขถึงการบริหารและจัดการถึงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest