มองเห็นแววของธีราทรจึงเลือกมาเป็น False Side Back
ธีราทร บุญมาทันผู้ยิงประตูแรกที่แสนสำคัญในศึกตัดสินแชมป์ ประตูของเขาทำให้ทีมเล่นง่ายขึ้นในชั่วพริบตา
(C) SOCCER DIGEST
ท่ามกลางสนามที่มีผู้ชม 63,854 คนซึ่งกลายเป็นสถิติใหม่ของเจลีกในศึกนัดสำคัญที่ตัดสินชี้ชะตาแชมป์ ณ เมืองโยโกฮาม่า แม้ยามเช้าตรู่จะมีหิมะโปรยปรายจากสภาพอากาศในช่วงฤดูหนาวก็ตาม ทว่าบรรยากาศที่สนามแข่งนั้นกลับเร่าร้อนมากเหลือเกิน
กำแพงด้านนอกสนามนั้นมีการตั้งชูป้ายเรียงรายเพื่อต้อนรับนักเตะขุนพลโยโกฮาม่าที่กำลังจะเดินทางมาถึงสนามด้วยรถบัส หนึ่งในป้ายที่ต้อนรับอยู่นั้นก็มีป้ายข้อความภาษาไทยของแฟน ๆ ที่ส่งข้อความให้กำลังใจกองหลังอย่างธีราทร บุญมาทันอีกด้วย
『พวกเราสู้ไปด้วยกันนะ บุญจัง』
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นด้วยฝั่งของทาง FC Tokyo ที่โหมบุกหนักจากเงื่อนไขที่ต้องชนะด้วยจำนวนประตูที่มากกว่า โยโกฮาม่าก็ดันเกมไปข้างหน้าไม่ค่อยได้ ตกอยู่ในสถานการณ์ทำเกมรุกไม่ขึ้น ทว่าในนาที 26 ก็มีประตูเกิดขึ้นที่ทำให้ทิศทางในเกมพลันเปลี่ยนไปทันทีและมีผลกับการตัดสินตำแหน่งแชมป์โดยตรง ประตูดังกล่าวคือการยิงลูกด้วยเท้าซ้ายชั่งทองคำของธีราทร บุญมาทันเจ้าของฉายา "เท้าซ้ายปีศาจ"
ในช่วงครึ่งหลังผู้รักษาประตูพาร์คอิรือกิวโดนใบแดงไปจึงทำให้จำนวนผู้เล่นเสียเปรียบ จึงทำให้ทางฝั่งกุนซือฮาเซกาวะของโตเกียวพยายามงัดไม้ออกมาทำเกมรุกสู้แต่ก็ไม่เป็นผล ทักษะส่วนตัวของเอริคและเอ็นโด้ เคย์ตะช่วยให้ทีมได้ประตูเพิ่มจนคว้าชัยชนะ 3-0 อย่างสมบูรณ์แบบ มารินอสสามารถคว้าแชมป์ลีกในรอบ 15 ปีมาครองได้
"นับตั้งแต่ที่มาเข้าค่ายกับทีมวันแรก ผมก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไรนักเมื่อเจอกับทักษะของเพื่อนร่วมทีมที่มีอยู่สูงมาก ผมคิดว่าการจะคว้าตำแหน่งตัวจริงในสโมสรนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ถึงกระนั้นโค้ชก็เชื่อมั่นแล้วก็เลือกใช้ตัวของผม รวมไปถึงคุณยาสุโนะที่ช่วยผลักดันให้ผมสามารถวิ่งได้ถึงขนาดนี้อย่างที่ตัวเองแทบไม่อยากจะเชื่อ นอกจากนั้นก็ยังมีคุณฮาระที่คอยช่วยเหลือผมในช่วงเวลาที่ยากลำบากตั้งแต่สมัยอยู่โกเบอีกด้วย ผมต้องขอบคุณทุกคนที่คอยให้การสนับสนุนมากจริง ๆ ครับ"
นั่นคือถ้อยคำสัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันของธีราทร เบื้องหลังผลงานในฤดูกาลนี้ของเขานั้นเป็นผลพวงจาก 3 คนที่เชื่อมั่นในตัวของเขานั่นเอง
กำแพงด้านนอกสนามนั้นมีการตั้งชูป้ายเรียงรายเพื่อต้อนรับนักเตะขุนพลโยโกฮาม่าที่กำลังจะเดินทางมาถึงสนามด้วยรถบัส หนึ่งในป้ายที่ต้อนรับอยู่นั้นก็มีป้ายข้อความภาษาไทยของแฟน ๆ ที่ส่งข้อความให้กำลังใจกองหลังอย่างธีราทร บุญมาทันอีกด้วย
『พวกเราสู้ไปด้วยกันนะ บุญจัง』
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นด้วยฝั่งของทาง FC Tokyo ที่โหมบุกหนักจากเงื่อนไขที่ต้องชนะด้วยจำนวนประตูที่มากกว่า โยโกฮาม่าก็ดันเกมไปข้างหน้าไม่ค่อยได้ ตกอยู่ในสถานการณ์ทำเกมรุกไม่ขึ้น ทว่าในนาที 26 ก็มีประตูเกิดขึ้นที่ทำให้ทิศทางในเกมพลันเปลี่ยนไปทันทีและมีผลกับการตัดสินตำแหน่งแชมป์โดยตรง ประตูดังกล่าวคือการยิงลูกด้วยเท้าซ้ายชั่งทองคำของธีราทร บุญมาทันเจ้าของฉายา "เท้าซ้ายปีศาจ"
ในช่วงครึ่งหลังผู้รักษาประตูพาร์คอิรือกิวโดนใบแดงไปจึงทำให้จำนวนผู้เล่นเสียเปรียบ จึงทำให้ทางฝั่งกุนซือฮาเซกาวะของโตเกียวพยายามงัดไม้ออกมาทำเกมรุกสู้แต่ก็ไม่เป็นผล ทักษะส่วนตัวของเอริคและเอ็นโด้ เคย์ตะช่วยให้ทีมได้ประตูเพิ่มจนคว้าชัยชนะ 3-0 อย่างสมบูรณ์แบบ มารินอสสามารถคว้าแชมป์ลีกในรอบ 15 ปีมาครองได้
"นับตั้งแต่ที่มาเข้าค่ายกับทีมวันแรก ผมก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไรนักเมื่อเจอกับทักษะของเพื่อนร่วมทีมที่มีอยู่สูงมาก ผมคิดว่าการจะคว้าตำแหน่งตัวจริงในสโมสรนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ถึงกระนั้นโค้ชก็เชื่อมั่นแล้วก็เลือกใช้ตัวของผม รวมไปถึงคุณยาสุโนะที่ช่วยผลักดันให้ผมสามารถวิ่งได้ถึงขนาดนี้อย่างที่ตัวเองแทบไม่อยากจะเชื่อ นอกจากนั้นก็ยังมีคุณฮาระที่คอยช่วยเหลือผมในช่วงเวลาที่ยากลำบากตั้งแต่สมัยอยู่โกเบอีกด้วย ผมต้องขอบคุณทุกคนที่คอยให้การสนับสนุนมากจริง ๆ ครับ"
นั่นคือถ้อยคำสัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันของธีราทร เบื้องหลังผลงานในฤดูกาลนี้ของเขานั้นเป็นผลพวงจาก 3 คนที่เชื่อมั่นในตัวของเขานั่นเอง
คนแรกนั้นก็แน่นอนคือกุนซือของทีมอย่างอันเก ปอสเตโคกลู หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของเขาในการทำทีมนั้นคือการสร้าง False Side Back ขึ้นมา เมื่อมิดฟิลด์ตัวรับถอยไปเส้นสุดท้ายก็เผยช่องว่างให้แบ็คริมเส้นขึ้นมาเติมเกมอย่างมีลักษณะพิเศษ ซึ่งธีราทรก็สามารถแสดงบุคลิกของเขาออกมาเป็นแบ็คซ้ายปลอมได้อย่างยอดเยี่ยม เขาสามารถโชว์ทักษะการจ่ายลูกที่แม่นยำและเปิดกว้างได้เรียกได้ว่ากุนซือมองเห็นจุดเด่นของเขาแล้วก็ดึงออกมาได้อย่างชาญฉลาด
คนที่สองคือยาสุโนะ สึโตมุ ตำแหน่ง Conditioning Coach เขาคอยช่วยเหลือธีราทรที่บาดเจ็บตั้งแต่มาเข้าร่วมค่ายเก็บตัวในช่วงแรก ๆ(อาการบาดเจ็บเข่าซ้ายจนต้องหยุดพัก 3 สัปดาห์)ผู้มีสภาพจิตใจห่อเหี่ยวแล้วก็คอยฟูมฟักและเพาะกายของธีราทรจนมีสภาพร่างกายแข็งแกร่ง กำยำสามารถฝ่าฟันได้ตลอดทั้งฤดูกาล เขาเป็นผู้ที่ปิดทองหลังพระ
คนที่สามคือฮาระ มาซาฮิโระที่รู้จักกับธีราทรตั้งแต่สมัย Vissel Kobe(รับหน้าที่เป็นผู้จัดการทั่วไปของทีมเพิ่งย้ายจากโกเบมาอยู่โยโกฮาม่าในฤดูกาลนี้) เขาคือผู้ที่มอบโอกาสให้กับธีราทรได้กลับมาเล่นที่ญี่ปุ่นอีกครั้งเหมือนดังเช่นที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่งาน J-League Kick Off Conference ว่า "ผมไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง" หากไม่มีการตัดสินของเขาล่ะก็คงไม่มีธีราทรในฤดูกาลนี้แล้วกระมัง