การแข่งขันศึก EURO2020 รอบคัดเลือกประจำวันที่ 14 ตุลาคม การแข่งขันของกลุ่ม A ที่บัลแกเรียต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมชาติอังกฤษ ในเกมนี้แฟนเจ้าถิ่นมีการตะโกนถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติใส่นักเตะอังกฤษจนทำให้การแข่งขันต้องหยุดชั่วคราวถึง 2 ครั้ง

  วันที่ 15 ที่ผ่านมา มีการประกาศออกมาว่า Borislav Mikhailov ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลบัลแกเรียประกาศลาออกเป็นที่เรียบร้อย ทางตัวของ Mikhailov ได้พูดถึงฝั่งอังกฤษที่ระบุว่าหากมีการกระทำเหยียดเชื้อชาติเกิดขึ้นจะทำให้การแข่งขันนัดนี้เป็นโมฆะดังนี้ "การหาว่ากองเชียร์ทีมชาติบัลแกเรียทุกคนเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหานั้นก็ปรักปรำเกินไป" เจ้าตัวเป็นหัวโจกที่แสดงความโมโหออกมาก็ว่าได้

  จากการรายงานของสื่ออังกฤษ The Mirror ระบุว่า เหล่ากลุ่มกองเชียร์ที่สวมเสื้อคลุมสีดำเข้ามาในสนามนั้นได้ Monkey Chant(ล้อเป็นลิง)กับกลุ่มนักเตะอย่างราฮีม สเตอร์ริ่งและมาร์คัส แรชฟอร์ดเป็นต้น นอกจากนั้นยังแสดงสัญลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับนาซี

  ทางกุนซือทีมชาติอังกฤษแกเร็ธ เซาท์เกตที่เห็นภาพดังกล่าวเข้าจึงเข้าไปทำการประท้วงผู้ตัดสินจึงทำให้การแข่งขันนัดนี้ต้องหยุดพักถึงสองหน โดยในการหยุดพักครั้งที่สองนั้นกัปตันทีมของบัลแกเรียอย่าง Ivelin Popov ได้เข้าไปหาแฟน ๆ เจ้าบ้านแล้วเรียกร้องให้หยุดการกระทำเหล่านี้

  แม้ในตอนนั้นทีมชาติอังกฤษตั้งใจอย่างจริงจังที่จะยุติการแข่งขันลงก็ตาม แต่หลังการแข่งขันจบลง Jordan Henderson ก็ให้สัมภาษณ์กับทางหนังสือพิมพ์ว่า "ตอนช่วงพักครึ่งพวกเราคุยกันแล้วตัดสินใจกันว่าจะแสดงศักดิ์ศรีออกมาในพื้นสนาม อยากจะแสดงผลงานในสนามให้พวกเขา(ที่เหยียดผิว)เห็นจนเจ็บช้ำ" ท้ายที่สุดทีมอังกฤษจึงถล่มบัลแกเรียไปอย่างขาดลอยที่ 6-0

  ภายหลังจากนั้นทางนายกรัฐมนตรีของบัลแกเรีย Boyko Borissov ได้แสดงความฉุนเฉียวออกมา จากการรายงานของสื่ออังกฤษ The Guardian ระบุว่า ทางนายกฯได้อัพข้อความในเฟซบุ๊คของเขา "รับไม่ได้จริง ๆ ที่ประเทศบัลแกเรียซึ่งมีผู้คนหลายเชื้อชาติ หลายศาสนาอาศัยกันอยู่อย่างสงบสุขนั้นจะมีเหตุการณ์แบ่งแยกสีผิวและเชื้อชาติเกิดขึ้นแบบนี้ได้" แล้วก็มีรายงานออกมาว่าเขาบอกให้ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลบัลแกเรียลาออกด้วย