ความแตกต่างเมื่อเทียบกันสมัยค้าแข้งที่มีอย่างมหาศาล
เฟอร์นันโด ตอร์เรสที่แขวนสตั๊ดไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อาชีพที่สองของเขาตกเป็นที่จับตามองเป็นอย่างยิ่ง
(C)SOCCER DIGEST
เฟอร์นันโด ตอร์เรสแขวนสตั๊ดที่ประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นนักฟุตบอลเจ้าของบุคลิกที่มีเสน่ห์ ผู้มีความสุขุมถ่อมตนที่หาตัวได้ยากในแวดวงฟุตบอลสมัยนี้ ซึ่งถ้อยคำสุดท้ายในฐานะนักฟุตบอลของเขานั้นก็เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเป็นบุคคลของตอร์เรสได้ดีเป็นอย่างยิ่ง
ตอร์เรสพูดถึงอนาคตของตัวเองออกมาว่า "ผมจำเป็นต้องมองอะไรให้กว้างไกลกว่านี้เพื่อกลายเป็นคนที่มีทัศนคติกว้างไกล เพื่อการนั้นแล้วจึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาเยอะมากครับ หนึ่งในทางเลือกของอนาคตนั้นคือการกลับไปที่แอตเลติโกมาดริดอีกครั้ง แต่ถ้าเป็นแค่หน้าตาล่ะก็ผมก็ไม่อยากที่จะกลับไป"
ถ้อยคำของตอร์เรสผู้ไม่ยึดติดกับความเรืองรองในอดีตและหวังจะเลือกสลักเส้นทางชีวิตด้วยตัวของตัวเองนั้น ช่างเปรียบประหนึ่งเป็นวาจาที่แสดงออกมาถึงความเป็นคนละขั้วกับแวดวงสังคมสมัยใหม่ที่มีแต่การโต่เถียงถึงตรรกะอันย้อนแยง
ตอร์เรสพูดถึงอนาคตของตัวเองออกมาว่า "ผมจำเป็นต้องมองอะไรให้กว้างไกลกว่านี้เพื่อกลายเป็นคนที่มีทัศนคติกว้างไกล เพื่อการนั้นแล้วจึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาเยอะมากครับ หนึ่งในทางเลือกของอนาคตนั้นคือการกลับไปที่แอตเลติโกมาดริดอีกครั้ง แต่ถ้าเป็นแค่หน้าตาล่ะก็ผมก็ไม่อยากที่จะกลับไป"
ถ้อยคำของตอร์เรสผู้ไม่ยึดติดกับความเรืองรองในอดีตและหวังจะเลือกสลักเส้นทางชีวิตด้วยตัวของตัวเองนั้น ช่างเปรียบประหนึ่งเป็นวาจาที่แสดงออกมาถึงความเป็นคนละขั้วกับแวดวงสังคมสมัยใหม่ที่มีแต่การโต่เถียงถึงตรรกะอันย้อนแยง
ในวงการฟุตบอลนั้นเรื่องแทคติก กลยุทธ์ รวมถึงสภาพแวดล้อมนั้นได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องซับซ้อนในทุก ๆ ปี ไม่ว่านักเตะคนนั้นจะบรรลุซึ่งผลงานที่มีความยิ่งใหญ่ในสมัยการค้าแข้งมากสักเท่าไรแต่มันก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าเขาจะประสบความสำเร็จในอาชีพที่สองแต่อย่างไรด้วย เพราะฉะนั้นถ้อยคำของตอร์เรสที่ไม่ได้ต้องการจะเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์และหลงระเริงกับชื่อเสียงของแอตมาดริดนั้นจึงมีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับพวกเราที่รับฟัง
ไม่ใช่เฉพาะวงการฟุตบอลอย่างเดียวเท่านั้นที่นักฟุตบอลหลังแขวนสตั๊ดจะยังคงพัวพันอยู่กับเรื่องราวของลูกหนังต่อ สำหรับอดีตนักเตะผู้เลือกจะไปประกอบอาชีพอื่นแล้ว การปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่เพื่อให้ช่วงชีวิตลำดับที่ 2 ของตัวเองไปอย่างราบรื่นนั้นก็เป็นสิ่งที่มีความยากลำบากไม่น้อยเช่นกันเลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือความแตกต่างจากในช่วงค้าแข้งที่มีอย่างมหาศาล และเพื่อการที่จะเริ่มต้นอาชีพลำดับที่ 2 ได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อนั้น บางทีอาจจะเข้าถึงยุคสมัยที่ควรเริ่มวางรากฐานตั้งแต่สมัยที่ยังค้าแข้งอยู่ก็คงเป็นได้กระมัง
ข่าวโดย Jorge Valdano
แปลโดย ชิโมมูระ มาซายูกิ
【ประวัติผู้เขียน】
Jorge Valdano/เกิด 4 ตุลาคม 1955 ที่เมือง Las Parejas ในอาร์เจนตินา ในสมัยที่ยังค้าแข้งอยู่นั้นเล่นเป็นกองหน้า เมื่อปี 1973 เริ่มต้นการค้าแข้งอาชีพกับสโมร Newell's Old Boys จากนั้นในปี 1975 ก็ย้ายไป Alaves ผลงานกลายเป็นที่เลื่องชื่อในปี 1979-1987 กับสโมสร Real Zaragoza จากนั้นในปี 1984 ก็ย้ายมาค้าแข้งอยู่กับเรอัลมาดริดแล้วก็แขวนสตั๊ดในปี 1987 คว้าแชมป์ลาลีก้าและ UEFA Cup อย่างละ 2 สมัย ได้ลงเตะในฐานะทีมชาติอาร์เจนตินาเป็นครั้งแรกในปี 1975 ลงสู้ศึกฟุตบอลโลก 2 ครั้ง(1982 และ 1986) โดยในปี 1986 ก็ช่วยทีมคว้าแชมป์ในทัวร์นาเมนต์ที่เม็กซิโก หลังแขวนสตั๊ดแล้วก็เป็นผู้จัดการทีมให้กับทั้ง Tenerife, Real Madrid และ Valencia จากนั้นก็ดำรงตำแหน่งเป็นทั้งฟุตบอลไดเรกเตอร์และรองประธานของเรดัลมาดริด ปัจจุบันนี้นอกจากจะเขียนคอลัมน์ให้กับ El País ก็ยังได้รับความนิยมในฐานะนักวิจารณ์คนหนึ่งอีกด้วย
※เว็บไซต์ Soccer Digest คือผู้ถือลิขสิทธิ์แปลคอลัมน์ของ Valdano กบับนิตยสาร El País แต่เพียงหนึ่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น
ไม่ใช่เฉพาะวงการฟุตบอลอย่างเดียวเท่านั้นที่นักฟุตบอลหลังแขวนสตั๊ดจะยังคงพัวพันอยู่กับเรื่องราวของลูกหนังต่อ สำหรับอดีตนักเตะผู้เลือกจะไปประกอบอาชีพอื่นแล้ว การปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่เพื่อให้ช่วงชีวิตลำดับที่ 2 ของตัวเองไปอย่างราบรื่นนั้นก็เป็นสิ่งที่มีความยากลำบากไม่น้อยเช่นกันเลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือความแตกต่างจากในช่วงค้าแข้งที่มีอย่างมหาศาล และเพื่อการที่จะเริ่มต้นอาชีพลำดับที่ 2 ได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อนั้น บางทีอาจจะเข้าถึงยุคสมัยที่ควรเริ่มวางรากฐานตั้งแต่สมัยที่ยังค้าแข้งอยู่ก็คงเป็นได้กระมัง
ข่าวโดย Jorge Valdano
แปลโดย ชิโมมูระ มาซายูกิ
【ประวัติผู้เขียน】
Jorge Valdano/เกิด 4 ตุลาคม 1955 ที่เมือง Las Parejas ในอาร์เจนตินา ในสมัยที่ยังค้าแข้งอยู่นั้นเล่นเป็นกองหน้า เมื่อปี 1973 เริ่มต้นการค้าแข้งอาชีพกับสโมร Newell's Old Boys จากนั้นในปี 1975 ก็ย้ายไป Alaves ผลงานกลายเป็นที่เลื่องชื่อในปี 1979-1987 กับสโมสร Real Zaragoza จากนั้นในปี 1984 ก็ย้ายมาค้าแข้งอยู่กับเรอัลมาดริดแล้วก็แขวนสตั๊ดในปี 1987 คว้าแชมป์ลาลีก้าและ UEFA Cup อย่างละ 2 สมัย ได้ลงเตะในฐานะทีมชาติอาร์เจนตินาเป็นครั้งแรกในปี 1975 ลงสู้ศึกฟุตบอลโลก 2 ครั้ง(1982 และ 1986) โดยในปี 1986 ก็ช่วยทีมคว้าแชมป์ในทัวร์นาเมนต์ที่เม็กซิโก หลังแขวนสตั๊ดแล้วก็เป็นผู้จัดการทีมให้กับทั้ง Tenerife, Real Madrid และ Valencia จากนั้นก็ดำรงตำแหน่งเป็นทั้งฟุตบอลไดเรกเตอร์และรองประธานของเรดัลมาดริด ปัจจุบันนี้นอกจากจะเขียนคอลัมน์ให้กับ El País ก็ยังได้รับความนิยมในฐานะนักวิจารณ์คนหนึ่งอีกด้วย
※เว็บไซต์ Soccer Digest คือผู้ถือลิขสิทธิ์แปลคอลัมน์ของ Valdano กบับนิตยสาร El País แต่เพียงหนึ่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น