เคารพในเรื่องที่เจอทีมใหญ่แต่ไม่แสดงความย่อท้อ
ในเกมกับนาโกย่าโอไนอู(หมายเลข 45)ทำประตูขึ้นนำก่อนได้ แต่หลังจากนั้นก็โดนตามทำประตูทีหลังจนจบด้วยผลเสมอ
ภาพโดย: โทคุฮาระ ทาคาโมโตะ
โออิตะที่ต้องเจอกับคาวาซากิ เอฟซีโตเกียวและนาโกย่ารวดเดียวนั้นเสมอ 1 แพ้ 2 แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของระดับพลัง โออิตะในฤดูกาลนี้ที่มีสไตล์การปั้นเกมจากแถวหลังนับตั้งแต่ผู้รักษาประตูพร้อมกับหาช่องเจาะทะลุคู่แข่งได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแผนดังกล่าวที่วางเอาไว้ไม่ได้ราบรื่นสักเท่าไรนัก
ในนัดที่ 15 ที่เจอกับนาโกย่านั้นต้องเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียวแทบไม่ได้ครองบอล โดยหลังการแข่งขันจบลงกุนซืออย่างคาตาโนะซากะระบุว่า "อย่างน้อยก็ยังเก็บ 1 คะแนนได้ พวกเราโชคดี" เจ้าตัวระบุเช่นนั้นซึ่งนั่นก็คงเป็นความคิดอย่างตรงไปตรงมากระมัง ถึงแม้นัดนี้จะไม่สามารถต่อกรได้อย่างหมดรูปกระนั้นก็ยังใช้โอกาสจบสกอร์ 3 ครั้งก่อให้เกิดประตู 1 ลูกได้ นอกจากนั้นยังต้องรับศึกหนักจากการยิงของฝั่งตรงข้ามถึง 16 ครั้งก็เรียกได้ว่าเคราะห์ยังดีที่เสียไปลูกเดียวจนได้ผลเสมอ ทาคากิโชว์ซุเปอร์เซฟหลายต่อหลายครั้งจากการโถมบุกหนักของนาโกย่า ทีมไม่คิดที่จะแพ็คเกมรับทั้งทีมและฝืนหาโอกาสทำประตูเพิ่ม แต่เป็นการสู้กับทีมใหญ่อย่างอาจหาญโดยไม่ย่อท้อซึ่งตรงจุดนี้คือเรื่องที่คู่ควรแก่การได้รับคำชม
ในนัดที่ 15 ที่เจอกับนาโกย่านั้นต้องเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียวแทบไม่ได้ครองบอล โดยหลังการแข่งขันจบลงกุนซืออย่างคาตาโนะซากะระบุว่า "อย่างน้อยก็ยังเก็บ 1 คะแนนได้ พวกเราโชคดี" เจ้าตัวระบุเช่นนั้นซึ่งนั่นก็คงเป็นความคิดอย่างตรงไปตรงมากระมัง ถึงแม้นัดนี้จะไม่สามารถต่อกรได้อย่างหมดรูปกระนั้นก็ยังใช้โอกาสจบสกอร์ 3 ครั้งก่อให้เกิดประตู 1 ลูกได้ นอกจากนั้นยังต้องรับศึกหนักจากการยิงของฝั่งตรงข้ามถึง 16 ครั้งก็เรียกได้ว่าเคราะห์ยังดีที่เสียไปลูกเดียวจนได้ผลเสมอ ทาคากิโชว์ซุเปอร์เซฟหลายต่อหลายครั้งจากการโถมบุกหนักของนาโกย่า ทีมไม่คิดที่จะแพ็คเกมรับทั้งทีมและฝืนหาโอกาสทำประตูเพิ่ม แต่เป็นการสู้กับทีมใหญ่อย่างอาจหาญโดยไม่ย่อท้อซึ่งตรงจุดนี้คือเรื่องที่คู่ควรแก่การได้รับคำชม
ส่วนงบในการเสริมทีมฤดูกาลนี้นั้น แม้จะมีมากกว่าฤดูกาลก่อนถึง 2 เท่าแต่ก็ยังเป็นยอดที่ต่ำกว่า 800 ล้านเยน นักเตะดีกรีทีมชาติญี่ปุ่นก็ไม่มี งบที่จะไปดึงตัวเอาชาวต่างชาติที่มีความสามารถสูงก็ทำไม่ได้ กระนั้นทางกุนซือคาตาโนะซากะก็ระบุว่า "ไม่อยากจะแก้ตัวแบบนั้น" เขายืนกรานอย่างหนักแน่น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าระดับความแตกต่างของพลังเมื่อเจอกับทีมใหญ่นั้นเห็นกันอย่างได้ชัดเจนเหลือเกิน โดยเป้าหมายในฤดูกาลนี้คือ "เก็บ 45 แต้มเพื่อไม่ตกชั้น" แต่ตอนนี้การแข่งขันผ่านมา 15 นัดและคว้าอันดับ 6 ของตารางที่ 25 แต้มได้นั้นก็ถือว่าทำได้ดีอย่างมากเพียงพอแล้ว ใช่ว่าทีมไม่มีแนวโน้มที่จะเบนเข็มสู่ทิศทางใหม่แต่อย่างใด ซึ่งทางตัวกุนซือก็ระบุว่า "จากนี้ไม่ใช่ว่าจะเล่นฟุตบอลเกมรับต่อไป จะขัดเกลาสไตล์การเล่นของตัวเองเพื่อชิงความได้เปรียบเอาไว้ให้ได้" ทิศทางของพวกเขาชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าในความเป็นจริงการแข่งขันในครึ่งฤดูกาลหลังนั้นคือความโหดหินของทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมา เมื่อดูตัวอย่างจากในอดีตล่ะก็จะเห็นได้ชัดว่ามีหลายทีมที่เสียท่าจากการต้องเจอกับทีมเดิมที่เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้วจนล้มระเนระนาดในช่วงฤดูร้อน ทางฝ่ายเสริมสร้างความแข็งแกร่งอย่างนิชิยามะก็ระบุว่า "ท่ามกลางความเหนื่อยล้าสะสม หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญคือการเอาตัวรอดผ่านหน้าร้อนไปให้ได้" เป็นการกล่าววิเคราะห์เช่นนั้น
แน่นอนว่าความกังวลใจที่เจอกับทีมใหญ่ 3 นัดติดก็ต้องมีไม่น้อย การจะเอาตัวรอดให้ได้เมื่อสู้กับทีมยักษ์ใหญ่นั้นจำเป็นต้องมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการเล่นเข้าขากันให้ได้ทั้งตัวจริงและนักเตะตัวสำรอง จริงอยู่ที่ตอนนี้ทีมหยุดความพ่ายแพ้เอาไว้ได้ทั้งยังได้หัวหอกอย่างฟุจิตะที่หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาเล่นได้ใน 5 เกม แต่กระนั้นก็ต้องคาดคะเนไว้ว่ามีโอกาสที่หัวหอกจะบาดเจ็บอีกครั้งเพราะฉะนั้นปัจจัยที่ยังจำเป็นต้องเก็บมาคิดกังวลก็ใช่ว่าจะหายไปไหน ด้วยสภาพทีมที่มีงบไม่เยอะแบบนี้ การบริหารสภาพร่างกายของนักเตะนั้นจึงเป็นปัญหาชี้เป็นชี้ตายเลยก็ว่าได้
次ページโคซึกะผู้นำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนจังหวะของโออิตะ เขาควรจะแสดงตัวตนออกมาให้มากกว่านี้