[ACL Group Stage Final Game]Sydney FC ０-４ Kawasaki／22 พฤษภาคม／Netstrata Jubilee Stadium
 
  ก่อนการแข่งขันกับซิดนีย์จะเริ่มต้นขึ้น คำพูดของไซโต้ มานาบุนั้นทิ่มแทงความเป็นจริงเหลือเกิน
  "ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พวกเราไม่เคยชนะเกมเยือน อันที่จริงมันเป็นปัญหาด้วยซ้ำไปครับว่าทำไมถึงเอาชนะไม่ได้ ทั้งเกมเหย้าเกมเยือนเลย"
 
  นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา สโมสรคาวาซากิที่ลงแข่ง ACL ต่อเนื่องนั้น นับตั้งแต่ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในปี 2017 จากฝีมือของอุราวะเป็นต้นมา ทีมก็กระเสือกกระสนมาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2018 รอบแบ่งกลุ่ม 6 นัดเสมอ 3 แพ้ 3 ส่วนปีนี้ก็คว้าชัยชนะได้เพียง 2 นัดเท่านั้น ซึ่งชัยชนะหนึ่งในนั้นก็เป็นการสู้กับสโมสร Sydney FC ที่การันตีการตกรอบแบ่งกลุ่มไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นชัยชนะโดยธรรมชาติจึงมีเพียงแค่ "1 นัด" ที่ฟังดูแสนน่าเศร้า
 
  คู่แข่งร่วมกลุ่มอย่าง Ulsan และ Shanghai East Asia นั้น การแข่งขัน 4 นัดเสมอ 2 แพ้ 2 การเก็บได้เพียง 2 คะแนนนั้นก็บ่งบอกถึงความอ่อนแอในการดวลก็ว่าได้กระมัง
 
  ในเกมเยือนกับอึลซานและเซี่ยงไฮ้นั้น ผลการแข่งขันนิ่งอยู่ที่ 0-0 แล้วก็พลาดท่าพ่ายในช่วงท้ายเกม หากมองกันตามสภาพแล้วอย่างน้อยที่สุดในเกมเยือนก็ควรจะเก็บผลเสมอเอา 1 แต้มกลับบ้าน กระนั้นการแข่งขันทั้ง 2 นัดที่แพ้ก็ไม่ได้แพ้เพราะความสามารถด้อยกว่าแต่อย่างไร อย่างในเกมกับเซี่ยงไฮ้นั้น มีจังหวะที่จะสไลด์ลูกแต่บอลโดนแขนแล้วถูกตัดสินให้เป็นจุดโทษเท่านั้น แต่ครั้นจะมาโทษดวงก็ไม่ใช่เรื่อง ในทางตรงกันข้ามคือทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมาจนกว่าจะเสียจุดโทษจึงทำประตูไม่ได้เลยมากกว่า ตรงจุดนี้คือประเด็นที่ควรนำกลับไปคิดทบทวนอย่างจริงจัง
 
  ส่วนในเกมเยือนกับอึลซานนั้น เลอันโดร ดาเมียนที่เป็นหน้าเป้าและได้ลงเล่นตัวจริงนั้น เขาก็แสดงการรับบอลยาวเพื่อพยายามจบสกอร์ออกมาได้ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีประตูเกิดขึ้น ท้ายที่สุดแล้วทีมก็เสียประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลังจนต้องพ่ายกลับบ้านไปอย่างเจ็บปวด
 
  โดยเฉลี่ยในแต่ละปีนั้น คาวาซากิเป็นทีมที่เครื่องร้อนช้า ช่วงต้นฤดูกาลไม่ค่อยสร้างผลงานออกมามากเท่าไรนัก แม้ในปีนี้จะมีการเสริมทัพตัวนักเตะอย่างดาเมียนเข้ามาแต่ก็ยังไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เป็นการลงสนามไปทั้งที่ยังเข้าระบบไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
 
  กุนซือโอนิกิ โทรุ เข้ามาคุมทีมร่วมสองฤดูกาลแล้ว แม้ในช่วงต้นฤดูกาลจะมีปัญหาเรื่องตัวนักเตะบาดเจ็บต่อเนื่องรวมทั้งสภาพร่างกายบ้างก็ตาม แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกที่ไม่คาดคิดอย่างการเติบโตต่อเนื่องของนักเตะรุ่นเยาว์ที่เป็นผลดีกับทีมอย่างยิ่ง ถึงเรื่องดังกล่าวอาจจะทำให้การเตรียมทีมให้มีความคงที่แน่นอนนั้นเกิดขึ้นได้อย่างล่าช้าก็ตาม แต่ถ้าคัดเอานักเตะที่มีความเข้มสูงออกมาได้ล่ะก็ จะเป็นผลดีที่จะทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างยืดหยุ่นไปในทางเดียวกันนั่นเอง
 

  ส่วนเรื่องการมีปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บนั้น ก็ได้แต่หวังว่าการเร่งทีมมากเกินไปเพื่อไม่ให้เข้าสู่วังวนต้นฤดูกาลย่ำแย่เหมือนดังเช่นฤดูกาลก่อนนั้นจะไม่กลายเป็นผลเสียในภายหลัง การเริ่มต้นเตรียมร่างกายในถ้วย XEROX นั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลให้นักเตะเกิดอาการเหนื่อยล้าเร็วกว่าที่พึงควร แต่ก็มองในอีกแง่หนึ่งได้ว่าหากไม่ใช้งานร่างกายจนแทบจะถึงขีดจำกัดล่ะก็คงไม่สามารถเอาตัวรอดในศึกหนัก ๆ ก็ว่าได้กระมัง
 
  แม้โดยผลลัพธ์ประวัติศาสตร์จะซ้ำเดิมด้วยการตกรอบแบ่งกลุ่มเหมือนดังเช่นฤดูกาลก่อนก็ตาม แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามที่เขียนเอาไว้ข้างต้นนั้นคือระดับความเข้มข้นของนักเตะและความยืดหยุ่นของกลยุทธ์ที่ฤดูกาลนี้ไม่เหมือนเดิม หวังว่าในฤดูกาลหน้าทีมจะกลับมาใหม่ได้
 
ข่าวโดย เอโต้ ทาคาชิ