เมื่อฤดูร้อนปีก่อน ศูนย์หน้าทีมชาติโปรตุเกส คริสเตียโน่ โรนัลโด้ออกจากมาดริดที่อยู่อาศัยมาร่วม 9 ฤดูกาลดุจดั่งราชาแล้วย้ายมายังสโมสรยูเวนตุสแห่งอิตาลีราวกับสายฟ้าฟาด อีกไม่กี่วันข้างหน้าฤดูกาลแรกของโรนัลโด้ที่อิตาลีก็จะจบลงแล้ว
สำหรับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ที่ได้มาค้าแข้งในเซเรียอาเป็นปีแรกนั้น หลังจากทำประตูแรกได้ในการแข่งขันนัดที่ 4 เป็นต้นมาเขาก็เริ่มยิงประตูอย่างเป็นกอบเป็นกำ ปัจจุบันนี้ยิงไป 21 ลูกตามหลังดาวซัลโวอย่างฟาบิโอ ควาเกรียเรลล่า อยู่ที่ 2 ประตู ด้วยผลงานดีเยี่ยมของโรนัลโด้นั้นจึงทำให้ยูเวนตุสครองแชมป์ลีกสมัยที่ 8 ต่อเนื่องได้อย่างแข็งแกร่งเหมือนดั่งเคย
ทว่าผลงานเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีกที่ถูกคาดหวังเป็นอย่างยิ่งนั้นกลับไม่สามารถคว้าถ้วยรางวัลมาครอบครองได้จึงทำให้มีสื่ออิตาลีบางส่วนตำหนิโรนัลโด้อย่างรุนแรง
ล่าสุด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ได้ให้สัมภาษณ์เปิดอกกับนิตยสาร El Pais พูดถึงความโหดร้ายที่ตัวเองประสบพบเจอในวงการฟุตบอลที่เต็มไปด้วยการวิจารณ์อย่างรุนแรง อาทิการถูกยกไปเปรียบเทียบกับลิโอเนล เมสซี่ นักฟุตบอลผู้อยู่ในจุดสูงสุดอีกหนึ่งคนที่ถูกเปรียบเทียบมาตลอด 10 ปี
"ผมหงุดหงิดมากเลยครับที่ตัวเองจำเป็นต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองในทุกฤดูกาล ภายใต้สถานการณ์แบบนี้มันไม่ง่ายเลย การที่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นนั้นมันทำให้รู้สึกกดดันหนักมาก ผมเบื่อเหลือเกินที่ต้องเจอกับความรู้สึกว่า "คริส พรุ่งนี้นายจะต้องชนะ" ในทุก ๆ วัน เพราะฉะนั้นมันน่าจะถึงเวลาที่ผมต้องพูดแล้วว่า "พอสักที!" แล้วล่ะครับ"
「ผมหงุดหงิด」「ผมไม่ใช่หุ่นยนต์」คริสเตียโน่ โรนัลโด้เปิดอกพูดถึงความกดดันอย่างหนักหน่วงที่เขาพบเจอถึงขีดจำกัด
カテゴリ:メガクラブ
2019/05/05
"จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองทุกฤดูกาล"

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ผู้ครองบัลลังก์อยู่ในจุดสูงสุดของวงการฟุตบอล ทว่าเขากลับรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมหาศาล
(C) Getty Images
โรนัลโด้ผู้รู้สึกเหนื่อยล้ากับความกดดันแสนหนักอึ้งที่ต้องแบกรับทุกวันนั้น ได้ส่งข้อความให้กับเหล่า "Hater" ของเขาที่มักจะตำหนิเขาในทุก ๆ เรื่องว่า
"พวกเขาคิดว่าผมเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ ราวกับว่าการมีเงินทองและมีความสำเร็จจะไม่มีความลำบากอะไรทั้งสิ้น เป็นเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ไม่รู้สึกโศกเศร้า ผมไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อยครับ พวกคนแบบนั้นจะเฝ้ารอเวลาที่ผมยิงจุดโทษพลาดหรือทำอะไรผิดพลาดใหญ่ ๆ ในการแข่งขันที่สำคัญ แต่สำหรับชีวิตของผมนั้น ผมจำเป็นต้องข้ามผ่านสิ่งเหล่านี้ไปให้ได้ ผมจำเป็นต้องเตรียมพร้อมเสมอ"
นอกจากนั้นยังพูดถึงการเล่นกับยูเว่ด้วยว่า "ผมปรับตัวได้โดยสมบูรณ์แล้ว ผมคิดว่าสามารถโชว์ฟอร์มของตัวเองในสนามเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าผมคือคริสเตียโน่ โรนัลโด้ได้แล้วครับ" แล้วก็กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า
"ไม่ว่าใครคนไหนต่างก็คิดว่า "มันจบแล้วล่ะ" "เจ้านั่นมัน 34-35 แล้ว ใกล้ถึงเวลาที่ควรจะเลิกได้แล้ว" พวกเขาพูดแบบนั้นต่อไป แต่ผมยังพร้อมที่จะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับพวกเขาได้เสมอ เพราะว่านั่นคือแรงจูงใจใหม่สำหรับผมเองครับ"
แม้ปัจจุบันนี้วัยจะ 34 ปีแล้วก็ตาม แต่ทักษะในการทำประตูที่มีอย่างสูงส่งนั้นก็ยังคมกริบเหมือนเดิม จากนี้ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่าโรนัลโด้จะเล่นฟุตบอลไปจนถึงอายุเท่าไร... แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังคงเขย่าวงการลูกหนังได้อีกหลายปีอย่างแน่นอน
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest
"พวกเขาคิดว่าผมเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ ราวกับว่าการมีเงินทองและมีความสำเร็จจะไม่มีความลำบากอะไรทั้งสิ้น เป็นเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ไม่รู้สึกโศกเศร้า ผมไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อยครับ พวกคนแบบนั้นจะเฝ้ารอเวลาที่ผมยิงจุดโทษพลาดหรือทำอะไรผิดพลาดใหญ่ ๆ ในการแข่งขันที่สำคัญ แต่สำหรับชีวิตของผมนั้น ผมจำเป็นต้องข้ามผ่านสิ่งเหล่านี้ไปให้ได้ ผมจำเป็นต้องเตรียมพร้อมเสมอ"
นอกจากนั้นยังพูดถึงการเล่นกับยูเว่ด้วยว่า "ผมปรับตัวได้โดยสมบูรณ์แล้ว ผมคิดว่าสามารถโชว์ฟอร์มของตัวเองในสนามเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าผมคือคริสเตียโน่ โรนัลโด้ได้แล้วครับ" แล้วก็กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า
"ไม่ว่าใครคนไหนต่างก็คิดว่า "มันจบแล้วล่ะ" "เจ้านั่นมัน 34-35 แล้ว ใกล้ถึงเวลาที่ควรจะเลิกได้แล้ว" พวกเขาพูดแบบนั้นต่อไป แต่ผมยังพร้อมที่จะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับพวกเขาได้เสมอ เพราะว่านั่นคือแรงจูงใจใหม่สำหรับผมเองครับ"
แม้ปัจจุบันนี้วัยจะ 34 ปีแล้วก็ตาม แต่ทักษะในการทำประตูที่มีอย่างสูงส่งนั้นก็ยังคมกริบเหมือนเดิม จากนี้ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่าโรนัลโด้จะเล่นฟุตบอลไปจนถึงอายุเท่าไร... แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังคงเขย่าวงการลูกหนังได้อีกหลายปีอย่างแน่นอน
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest