นับตั้งแต่ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมศึกฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่อปี 1998 ที่ฝรั่งเศสมาก่อนนั้น จนถึงทุกวันนี้ก็เข้าสู่ฟุตบอลโลกต่อเนื่องมาแล้ว 6 สมัย
จะพูดว่าเป็น "ประเทศขาประจำ" ที่ร่วมศึกฟุตบอลโลกก็คงไม่เกินเลยไปแต่อย่างใด แต่การที่ยังไม่สามารถเข้าไปสู่รอบลึกกว่านี้ได้นั้นก็ยังเป็นข้อเท็จจริงอยู่วันยังค่ำ โดยสถิติใน 6 ครั้งที่ผ่านมาของญี่ปุ่นมีดังนี้
1998 France………………………ตกรอบแบ่งกลุ่ม
2002 Japan-South Korea………รอบ 16 ทีมสุดท้าย
2006 Germany……………………ตกรอบแบ่งกลุ่ม
2010 South Africa…………………รอบ 16 ทีมสุดท้าย
2014 Brazil…………………………ตกรอบแบ่งกลุ่ม
2018 Russia…………………………รอบ 16 ทีมสุดท้าย
สรุปก็คือวนเวียนแค่ "ตกรอบแบ่งกลุ่ม" และ "รอบ 16 ทีมสุดท้าย" แต่เพียงเท่านั้น ความฝันที่จะไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายก็ยังคงเป็นเพียงแค่ความฝันต่อไป
แล้วโอโนะ ชินจิ ผู้ลงศึกฟุตบอลโลกปี 1998, 2002, 2006 ทั้ง 3 สมัยนั้น เขาคิดเห็นอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้ในทีมบ้าง
โอโนะเกริ่นขึ้นว่า "ความเป็นไปได้มีอย่างมากมาย" พร้อมกับเสริมว่า
"แต่สาเหตุที่เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไม่ได้นั้น ก็เพราะว่าไม่มีพลังมากพอครับ ต้องทำให้โชคเข้าข้าง แน่นอนว่าการพึ่งโชคอย่างเดียวก็ไม่ได้ด้วย เพราะโชคก็เป็นหนึ่งในเรื่องของความสามารถ"
นอกจากนั้นยังพูดถึงผลการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ต้องเจอกับทีมชาติเบลเยียมในศึกฟุตบอลโลกที่รัสเซียด้วยว่า "ในช่วงท้ายของท้ายที่สุดนั้นมันก็จริง ๆ นะครับ" เขาไม่อาจซุกซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ได้
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ได้เปรียบจากการที่ฮารากุจิ เกงกิและทาคาชิ อินุอิทำไปก่อน 2 ลูกแต่แล้วก็โดนไล่ทำประตูคืนอย่างรวดเร็วจนสุดท้ายก็พลาดเสียประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บไปอย่างน่าเสียดาย ทีมชาติญี่ปุ่นไม่สามารถไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้
"มันเป็นแค่ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้เห็นประจักษ์ถึงความแตกต่างระดับโลก"
โอโนะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับความแตกต่างนั้นว่า
"ไม่ว่าจะมองยังไงเกมนั้นก็ควรจะเสมอที่ 2-2 แล้วไปแข่งกันต่อในช่วงต่อเวลา แต่การจะทำประตูให้ได้นั้นมันก็เลย "กลายเป็นอีหรอบนั้น" ไปได้
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+4 ฮอนดะ เคย์สุเกะเปิดลูกเตะมุมแต่ผู้รักษาประตูฝั่งตรงข้ามรับเอาไว้ได้ จากนั้นการสวนกลับสั้น ๆ ที่ใช้เวลาเพียง 14 วินาทีก็ถึงกับต้องเสียประตู และแล้วทีมชาติญี่ปุ่นในยุคกุนซือนิชิโนะก็อัปปางลงที่ตรงนั้น
แต่กระนั้นโอโนะก็กล่าวว่า "เนื่องจากผมเป็นฝ่ายดูอย่างเดียวเลยพูดอะไรไม่ได้" แล้วจากนั้นเขาก็พูดถึงมุมมองของเขาที่มีต่อจุดเปลี่ยนในเกมนั้นว่า
"ตรงจุดนั้นเป็นสิ่งที่ยากต่อจินตนาการมากเลยครับ แต่เหล่านักเตะเบลเยียมนั้น ทันทีที่ผู้รักษาประตูคว้าลูกอยู่มือ บางทีพวกเขาก็เห็น "ทิวทัศน์" ดังกล่าวแล้วก็เป็นได้ อาจจะเป็นเรื่องของประสบการณ์ ซึ่งตรงจุดนี้พวกนักเตะต่างชาติอาจจะได้เปรียบกว่า ผมรู้สึกว่าอย่างนั้นครับ เพราะฉะนั้นผมจึงคิดว่าการจะเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายให้ได้นั้นเป็นงานช้างมาก เพียงแต่ว่าถึงอย่างไรก็ต้องข้ามผ่านมันไปให้ได้"
กระนั้นโอโนะก็ยังคิดว่า "ระยะห่าง" ดังกล่าวนั้นสามารถกลบได้ ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า "ความเป็นไปได้ยังมีมากกว่านี้" โดยพื้นเพของคำพูดนั้นมาจากเหล่านักเตะที่ค้าแข้งในต่างชาติ
"นับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา นักเตะดีกรีทีมชาติเป็นกลุ่มก๊วนที่ไปค้าแข้งในต่างชาติมากยิ่งขึ้น อยากจะให้พวกเขานำเอาประสบการณ์นั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์จริง ๆ"
ในเมื่อประสบการณ์ได้มาจากต่างประเทศ ก็ต้องไปอุทิศศึกษาเป็นการส่วนตัวที่ต่างประเทศเพื่อยกระดับมากยิ่งขึ้นและคอยลดช่องว่างระหว่างทีมชาติลง หากทำเช่นนั้นได้จะเป็นการสั่งสมประสบการณ์ซึ่งจะนำไปต่อยอดสู้รากฐานของวงการฟุตบอลญี่ปุ่นในอนาคตให้แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ได้
จริงอยู่ที่เรื่องดังกล่าวนั้นอาจจะกินเวลาอย่างมากมาย แต่โอโนะก็ยังพูดว่า "ผมตั้งหน้าตั้งตารอเหลือเกินครับ" ซึ่งบ่งบอกถึงความคาดหวังที่มีต่อรุ่นใหม่ที่จะเติบโตไปได้อย่างมากมายนั่นเอง
※คัดลอกและดัดแปลงมาจากต้นฉบับในนิตยสาร Soccer Digest ฉบับวันที่ 9 พฤษภาคม(วางแผงวันที่ 25 เมษายน)
ข่าวโดย ฮิโรชิม่า โยชิฮิโระ (Soccer Digest Editorial Desk)
【PHOTO】เชียร์ลีดเดอร์สาวแสนสวยของทีม Hokkaido Consadole Sapporo "CONSADOLLS!"!
โอโนะ ชินจิ ผู้มีประสบการณ์ฟุตบอลโลก 3 สมัยพูดถึง "หนทางสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย" และ "ศึกที่เจอกับเบลเยียม"
カテゴリ:Jリーグ
2019/05/01
"พวกเขาเห็น "ทิวทัศน์" ดังกล่าวแล้ว"

พูดถึงนัดที่เจอกับเบลเยียมเมื่อหน้าร้อนปีก่อนว่า "ทำให้เห็นประจักษ์ถึงความแตกต่างของระดับโลก"
ภาพโดย: ยามาซากิ เคนโตะ(Soccer Digest Photo Team)