แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ นักเตะแห่งสโมสรเชลซีล่าสุดถูกจับกุมตัวข้อหาเมาแล้วขับจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ โอกาสที่มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษคนนี้จะได้ลงสนามอีกครั้งในฤดูกาลเรียกได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เพียงแต่ว่านั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่เขาเมาแล้วขับเลย เหตุผลมันมาจากการที่เขาไม่ตรงสไตล์การทำทีมของเมาริซิโอ้ ซาร์รี่เพียงเท่านั้น

  ดริงค์วอเตอร์ที่ย้ายจากเลสเตอร์ซิตี้มาอยู่กับเชลซีเมื่อฤดูกาลก่อนนั้น หลังจากที่ซาร์รี่เข้ามากุมบังเหียนคุมทีมในฤดูกาลนี้ หากตัดเกมคอมมูนิตี้ชิลด์ที่ถูกส่งลงมาช่วงครึ่งหลังไปล่ะก็เขาก็ไม่ได้ลงเล่นในสนามอีกเลย

  จากการรายงานของ ESPN ระบุว่า หลังการฝึกซ้อมในวันที่ 10 เมษายนจบลง กุนซือซาร์รี่ให้สัมภาษณ์ว่า "ผมคุยกับเขาทุกเรื่องเมื่อเดือนสิงหาคมแล้ว" ซาร์รี่เกริ่นนำเช่นนั้น

  "ผมบอกให้เขาหาสโมสรอื่นแล้ว เขาไม่มีโอกาสที่จะได้ลงเล่นในแผนการทำทีมของผม แน่นอนว่าผมบอกเหตุผลกับเขาไปแล้วด้วย แต่กระนั้นเขาก็ยังเลือกที่จะอยู่ต่อไป"

  ซาร์รี่ยังระบุว่า "เขายังหนุ่มยังแน่น เป็นนักเตะที่ดี พวกเรามีความสัมพันธ์ต่อกันที่ดีด้วย" เป็นการยืนยันว่าไม่มีบัวช้ำน้ำขุ่น "แต่เขาไม่เข้ากับฟุตบอลของผม" จากนั้นซาร์รี่ก็เสริมว่า

  "ที่เขาไม่ได้ลงสนามเลยเพราะเขาไม่เข้ากับระบบและสไตล์การเล่นของผม ซึ่งผมก็บอกเรื่องนั้นกับเขาในช่วงเดือนสิงหาคมแล้ว แต่เขาก็ยังเลือกที่จะอยู่ต่อ เพราะฉะนั้นเขาเข้าใจในสถานการณ์ทุกอย่างดี"
 

  แล้วมันเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ดริงค์วอเตอร์ไม่คิดจะย้ายทีมทั้งในตลาดซื้อขายทั้งสองรอบที่ผ่านมา ซึ่งทางซาร์รี่ก็ระบุว่า "ผมไม่รู้ บางทีเขาอาจจะลุ้นให้ผมเปลี่ยนใจก็ได้ล่ะมั้ง" เขาตอบเช่นนั้น

  เรื่องการเมาแล้วขับนั้นมีการระบุเบื้องต้นว่าตัวของดริงค์วอเตอร์จะออกมาแถลงในวันที่ 12 เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวนี้

  นอกจากนั้นในวันที่ 11 ตามเวลาท้องถิ่น เชลซีจะต้องลงสู้ศึกรอบ 8 ทีมสุดท้ายของถ้วยยูโรป้าเลกแรกที่จะเจอกับ SK Slavia Prague อีกด้วย อีกทั้งในสุดสัปดาห์นี้ยังมีเกมพรีเมียร์ลีกที่ต้องบุกไปเยือนลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์รออยู่ โดยซาร์รี่ระบุชัดเจนว่าเขาจะจัดแผนโดยมีเอแดน อาซาร์เป็นผู้นำทีมเหมือนเดิม

  นอกจากนั้นจากการรายงานของ BBC ระบุว่าซาร์รี่จะเปลี่ยนตัวนักเตะ "5-6 คน" ในเกมยูโรป้าอีกด้วย

  "อยากจะให้รอจนถึงวันพรุ่งนี้แล้วจะตัดสินเรื่องการส่งหรือพักอาซาร์อีกที"

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest