เขาเคยถูกแฟนสเปอรส์เหยียดมาด้วย
ซองฮึงมินที่อยู่สเปอรส์มา 4 ปีแล้วนั้น เขาเปิดอกว่าตัวเองก็เคยถูกเหยียดเชื้อชาติมาก่อน
(C) Getty Images
ขณะนี้แวดวงฟุตบอลอังกฤษมีประเด็นเรื่องการเหยียดเชื้อชาติอยู่อย่างมากมาย โดยตัวที่ปะทุให้ประเด็นนี้กลับขึ้นมาร้อนอีกครั้งคือ EURO2020 รอบคัดเลือก
ทีมชาติอังกฤษที่บุกไปเอาชนะมอนเตเนโกรได้ 5-1 ในวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ก็มีนักเตะบางส่วนที่ถูกแฟนเจ้าถิ่นตะโกนเหยียดสีผิว อาทิเช่นแดนนี่ โรส, ราฮีม สเตอริ่งและฮัดสันโอดอย กล่าวได้ว่าเหล่านักเตะผิวสีนั้นต่างก็โดนตะโกนเหยียดเชื้อชาติกันอย่างชัดเจนในนัดนี้
หลังการแข่งขันจบลง หนึ่งในเหยื่อของเหตุการณ์นี้อย่างสเตอริ่งก็ออกมาระบุว่า "ไม่ว่าจะประเทศไหนก็ตาม ถ้ามีการตะโกนเหยียดเชื้อชาติเกิดขึ้นล่ะก็ ควรจะจัดการไม่ให้มีใครต้องชมเกมอีกต่อไปสักคนเลยครับ" เขาระบุเช่นนั้น ซึ่งตอนนี้ทาง FA (สมาพันธ์ฟุตบอลอังกฤษ)และ UEFA (สมาพันธ์ฟุตบอลยุโรป) กำลังร่วมมือกันเพื่อสอบสวนเรื่องราวดังกล่าวนี้โดยยกเป็นปัญหาใหญ่
น่าเศร้าที่ปัญหาดังกล่าวนี้ไม่ได้มีเฉพาะเกมระดับชาติเท่านั้น ล่าสุดทาง Sky Sports ของเกาะอังกฤษได้ระบุว่า มีแฟนฟุตบอล 86% ในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ, เวลส์, สก็อตแลนด์, ไอร์แลนด์เหนือ) พบเห็นการเหยียดเชื้อชาติภายในสนามแข่งขันฟุตบอล
ทีมชาติอังกฤษที่บุกไปเอาชนะมอนเตเนโกรได้ 5-1 ในวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ก็มีนักเตะบางส่วนที่ถูกแฟนเจ้าถิ่นตะโกนเหยียดสีผิว อาทิเช่นแดนนี่ โรส, ราฮีม สเตอริ่งและฮัดสันโอดอย กล่าวได้ว่าเหล่านักเตะผิวสีนั้นต่างก็โดนตะโกนเหยียดเชื้อชาติกันอย่างชัดเจนในนัดนี้
หลังการแข่งขันจบลง หนึ่งในเหยื่อของเหตุการณ์นี้อย่างสเตอริ่งก็ออกมาระบุว่า "ไม่ว่าจะประเทศไหนก็ตาม ถ้ามีการตะโกนเหยียดเชื้อชาติเกิดขึ้นล่ะก็ ควรจะจัดการไม่ให้มีใครต้องชมเกมอีกต่อไปสักคนเลยครับ" เขาระบุเช่นนั้น ซึ่งตอนนี้ทาง FA (สมาพันธ์ฟุตบอลอังกฤษ)และ UEFA (สมาพันธ์ฟุตบอลยุโรป) กำลังร่วมมือกันเพื่อสอบสวนเรื่องราวดังกล่าวนี้โดยยกเป็นปัญหาใหญ่
น่าเศร้าที่ปัญหาดังกล่าวนี้ไม่ได้มีเฉพาะเกมระดับชาติเท่านั้น ล่าสุดทาง Sky Sports ของเกาะอังกฤษได้ระบุว่า มีแฟนฟุตบอล 86% ในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ, เวลส์, สก็อตแลนด์, ไอร์แลนด์เหนือ) พบเห็นการเหยียดเชื้อชาติภายในสนามแข่งขันฟุตบอล
แล้วนักเตะพรีเมียร์ลีกคิดเห็นอย่างไรกับปัญหาเรื้อรังในวงการฟุตบอลที่ไม่มีวันหายไปแบบนี้บ้าง? ล่าสุดนักเตะศูนย์หน้าทีมชาติเกาหลีใต้แห่งสโมสรไก่เดือยทองอย่างซองฮึงมินได้ให้สัมภาษณ์ในวันที่ 8 เมษายนตามเวลาท้องถิ่นว่า "นับตั้งแต่ที่ผมเล่นฟุตบอลในอังกฤษมา ผมก็ถูกเหยียดเชื้อชาติแล้วก็เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวกับตาครับ" พร้อมกับกล่าวอธิบายเสริมว่า
"ผมพูดถึงเรื่องการเหยียดเชื้อชาติมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งวิธีการรับมือที่ดีที่สุดนั้นคือไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรทั้งสิ้นออกไปครับ นั่นคือวิธีการที่ดีที่สุดของผม พวกเราเล่นฟุตบอลในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็นคนจากที่ไหนหรือเชื้อชาติอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเล่นฟุตบอล แน่นอนครับว่าผมก็ปกป้องเหล่านักเตะที่ถูกเหยียดอยู่แล้วครับ ผมคิดจะสู้เพื่อพวกเขาด้วย"
ซองฮึงมินผู้เปิดเผยว่าเขาเคยถูกแฟนทีมสเปอรส์เหยียดมาก่อนแล้วนั้น เขาก็พูดถึงเหตุการณ์การเหยียดสีผิวในเกมกับมอนเตเนโกรว่า "ผมรับมามากเพียงพอ(จนเอือม)แล้วครับ มันต้องนานอีกสักแค่ไหนกันถึงจะจบจะสิ้นสักที!" คนที่ซองเห็นใจที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้นโรสเพื่อนร่วมสโมสรของเขาแน่
"พวกเราไม่เคยพูดคุยกันเรื่องประเด็นนี้มาก่อนเลย มีบางครั้งที่เคยถามไปแต่เขาก็ไม่พูดออกมาด้วย บางช่วงเวลาถ้าปล่อยให้เป็นแบบนั้นก็ดีกว่าครับ แน่นอนว่าถ้าแดนนี่ต้องการความช่วยเหลือผมก็ยินดีช่วยเสมอ ผมพร้อมให้การสนับสนุนทุกอย่าง แต่ในฐานะนักเตะและมนุษย์คนหนึ่งนั้น ผมว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดคือการปกป้องตัวเองให้ได้ก่อนครับ"
เกี่ยวกับปัญหาการเหยียดเชื้อชาติที่ฝังลึกในวงการฟุตบอลอย่างยาวนานนั้น ถ้อยคำของซองฮึงมินผู้เป็น "เหยื่อโดยตรง" คู่ควรที่จะรับฟังเป็นอย่างยิ่ง
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest
"ผมพูดถึงเรื่องการเหยียดเชื้อชาติมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งวิธีการรับมือที่ดีที่สุดนั้นคือไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรทั้งสิ้นออกไปครับ นั่นคือวิธีการที่ดีที่สุดของผม พวกเราเล่นฟุตบอลในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็นคนจากที่ไหนหรือเชื้อชาติอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเล่นฟุตบอล แน่นอนครับว่าผมก็ปกป้องเหล่านักเตะที่ถูกเหยียดอยู่แล้วครับ ผมคิดจะสู้เพื่อพวกเขาด้วย"
ซองฮึงมินผู้เปิดเผยว่าเขาเคยถูกแฟนทีมสเปอรส์เหยียดมาก่อนแล้วนั้น เขาก็พูดถึงเหตุการณ์การเหยียดสีผิวในเกมกับมอนเตเนโกรว่า "ผมรับมามากเพียงพอ(จนเอือม)แล้วครับ มันต้องนานอีกสักแค่ไหนกันถึงจะจบจะสิ้นสักที!" คนที่ซองเห็นใจที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้นโรสเพื่อนร่วมสโมสรของเขาแน่
"พวกเราไม่เคยพูดคุยกันเรื่องประเด็นนี้มาก่อนเลย มีบางครั้งที่เคยถามไปแต่เขาก็ไม่พูดออกมาด้วย บางช่วงเวลาถ้าปล่อยให้เป็นแบบนั้นก็ดีกว่าครับ แน่นอนว่าถ้าแดนนี่ต้องการความช่วยเหลือผมก็ยินดีช่วยเสมอ ผมพร้อมให้การสนับสนุนทุกอย่าง แต่ในฐานะนักเตะและมนุษย์คนหนึ่งนั้น ผมว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดคือการปกป้องตัวเองให้ได้ก่อนครับ"
เกี่ยวกับปัญหาการเหยียดเชื้อชาติที่ฝังลึกในวงการฟุตบอลอย่างยาวนานนั้น ถ้อยคำของซองฮึงมินผู้เป็น "เหยื่อโดยตรง" คู่ควรที่จะรับฟังเป็นอย่างยิ่ง
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest
次ページ【VIDEO】ประตูสร้างชื่อของซองฮึงมินกับสเปอรส์นั้นอยู่ที่นี่