วันที่ 25 มีนาคม ศึก EURO2020 รอบคัดเลือกนัดที่ 2 ทีมชาติอังกฤษบุกไปเอาชนะมอนเตเนโกรด้วยฟอร์มดีจัด 5-1 ทว่าหลังจบการแข่งขันก็มีประเด็นสั่นสะเทือนวงการออกมา
สาเหตุก็เกิดจากแฟนกองเชียร์ชาวมอนเตเนโกรได้ตะโกนเหยียดสีผิวล้อเลียนทั้งแดนนี่ โรส, ราฮีม สเตอริ่งและฮัดสันโอดอย นอกจากนั้นยังมีการยืนยันแล้วว่ามีการใช้ประทัด การปาของและก่อความรุนแรงในสนามอีกด้วย หลังสเตอริ่งที่ทำประตูที่ 5 ได้นั้น ฮัดสันโอดอยก็เข้าไปเก็บไฟแช็คที่ปาลงพื้นสนามได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กุนซือทีมชาติอังกฤษอย่างกาเรธ เซาธ์เกตโกรธจัด เขาถึงกับให้สัมภาษณ์ผ่านทาง BBC ว่า "พวกเราจำเป็นต้องร้องเรียนในเส้นทางที่ถูกต้อง เสียงตะโกนของพวกเขามีคนได้ยินอย่างชัดเจนมาก จำเป็นต้องมีมาตรการรับมือที่เหมาะสม" ซึ่งขณะนี้ทางสมาพันธ์ฟุตบอลอังกฤษที่รับเรื่องดังกล่าวนั้นก็อยู่ในระหว่างสืบสวนสอบสวนร่วมกันกับทางสมาพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือ UEFA อยู่
ล่าสุดทางเจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือสโมสรลิเวอร์พูลก็ออกมาระบุว่า "ถ้าทุกคนในสนามเป็นแบบนั้น(เหยียดผิว)ผมก็จะหยุดการแข่งขันลงทันที อันที่จริงแค่มีไม่กี่คนมันก็เกินพอแล้ว คนเหล่านั้นจำเป็นต้องได้รับโทษอย่างสาสม"
นอกจากนั้นกุนซือสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้อย่างโจเซฟ กวาดิโอลาร์ก็ระบุว่า "หากถึงเวลาแบบนั้นจริง ๆ ผมคงพานักเตะเดินออกจากสนามเลยล่ะมั้ง ความเป็นไปได้แบบนั้นมีแน่นอน" เป็นการชี้แนะถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่ามีน้ำหนักมากเพียงพอที่จะออกนอกสนามได้
ทางโฆษกของสภาอังกฤษก็ระบุว่า "ประเด็นเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไขที่เด็ดขาดอย่างรวดเร็ว หากการแข่งขันแบบนี้ยังมีต่อไปมันจะทำให้เหล่านักเตะต้องแบกรับความเครียดอย่างไม่ใช่เรื่องใช่ราวทั้งสิ้น" แม้การแข่งขันจะจบลงแล้วนั้นแต่ประเด็นดังกล่าวยังสั่นพ้องไปอย่างไม่หยุดหย่อน
「ควรกล้าที่จะหยุดการแข่งขัน」―――ประธาน UEFA ระบุผู้ตัดสินควรเด็ดขาดกับประเด็นการเหยียดมนุษย์
カテゴリ:ワールド
2019/04/03
ทั้งคล็อปป์และเป๊ปต่างก็เห็นด้วย

สเตอริ่งในจังหวะทำประตูที่ 5 ในเกมกับมอนเตเนโกรได้ ท่าโพสต์ที่เหมือนกับการเป็นยั่วยุกองเชียร์ฝั่งตรงข้ามนั้น ก็เป็นหนึ่งในการแสดงออกเพื่อการต่อต้านกองเชียร์ผู้ตะโกนเหยียดสีผิวกระมัง
(C) Getty Images
ท่ามกลางเรื่องราวเหล่านั้น ประธานของบอร์ด UEFA ที่กำลังตรวจสอบเรื่องราวอย่างอเล็กซานเดอร์ เจเฟรินก็เข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นในประเทศอังกฤษแล้วให้สัมภาษณ์กับทางหนังสือพิมพ์ The Guardian ดังนี้
"นี่คือหายนะครับ น่าละอายจริง ๆ นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ระหว่านี้พวกเราทาง UEFA กำลังตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอยู่จึงพูดอะไรที่นี่ไม่ได้มากนัก แต่เหลือเชื่อจริง ๆ ว่ายังมีคนลักษณะนี้หลงเหลือในยุโรปได้อีก
นี่มันไม่ใช่ปัญหาระดับประเทศ แต่มันเป็นปัญหาระดับมนุษยชาติ ทางออกสุดท้ายที่มันออกจะเสียดสีไปไม่น้อยหน่อยคือการให้สโมสรหรือทีมนั้นถูกคัดออกจากทัวร์นาเมนต์หรือปรับแพ้ไป การเหยียดมนุษย์ก็คือการเหยียดมนุษย์ ทางเราต้องการให้ผู้ตัดสินทำการหยุดการแข่งขันเมื่อเห็นว่าการเหยียดสีผิวมันรุนแรงเกินกว่าจะรับได้ ซึ่งภายในกรณีนี้นั้นมันก็เพียงพอที่จะหยุดการแข่งขันลงแล้ว
อาจจะเป็นการหยุดการแข่งขันลงชั่วคราว เมื่อการแข่งขันหยุดลงก็ให้แฟนสโมสรพลเมืองดีขับไล่พวกกลุ่มที่เหยียดสีผิวออกไปจากสนาม ตอนนี้ปี 2019 แล้ว ผู้ตัดสินควรมีความมั่นใจและมีความกล้าในการทำเรื่องดังกล่าวโดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น"
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจึงทำให้ทีมชาติมอนเตเนโกรต้องถูกห้ามเข้าชมการแข่งขันไปช่วงหนึ่ง โดยจะเริ่มกับศึกฟุตบอล EURO2020 รอบคัดเลือกในเดือนมิถุนายนที่ Kosovo ก่อน
จากนี้ผู้คนก็จะสังเกตการตัดสินของผู้ตัดสินมากขึ้นเพื่อเฝ้าดูว่าในกรณีที่มีการเหยียดสีผิวเกิดขึ้นอีกครั้งจะมีการตัดสินอะไรออกมา
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest