ประเด็นที่โรสได้ใบเหลืองนั้น...
ก่อนการแข่งขันจะจบลงโรสได้รับใบเหลือง ประเด็นดังกล่าวสร้างความไม่พึงพอใจต่อตัวนักเตะทีมชาติอังกฤษ ผู้จัดการทีมและเหล่าสต้าฟทั้งที่ต้นตอมาจากความประพฤติของผู้ชมที่ข้างสนาม
(C) Getty Images
วันที่ 25 มีนาคม ศึก EURO2020 รอบคัดเลือกยังคงดำเนินต่อ ทีมชาติอังกฤษเอาชนะมอนเตเนโกรได้ถึง 5-1 ซึ่งก็เป็นการคว้าชัยชนะถล่มทลายต่อเนื่องจากเกมที่เอาชนะสาธารณรัฐเช็กเมื่อวันที่ 23 ที่ผ่านมา ทีมชาติอังกฤษรักษาฟอร์มเยี่ยม การแข่งขัน 2 นัดแรกคว้าชัยชนะต่อเนื่องตอนนี้ทำ 10 ประตูเข้าไปแล้ว
แต่เมื่อการแข่งขันจบลงทางฝั่งทีมชาติอังกฤษแสดงความไม่พึงพอใจเป็นอย่างยิ่งกับการที่แฟน ๆ เจ้าบ้านมอนเตเนโกรตะโกนเหยียดสีผิวของแดนนี่ โรส ซึ่งผู้ที่เดือดจัดยิ่งกว่าใครก็คือผู้จัดการทีมอย่างกาเรธ เซาส์เกธ ราฮีม สเตอริ่งและฮัดสัน-โอดอย
กุนซือเซาส์เกธให้สัมภาษณ์ผ่านทาง BBC ว่า "ผมรับไม่ได้ ตอนที่โรสได้รับใบเหลืองในช่วงท้ายเกมมีเสียงตะโกนเหยียดดังขึ้นแน่ ๆ"
"ผมหูไม่ฝาดอย่างแน่นอน ผมจะทำให้เรื่องนี้ต้องถึงสมาพันธ์ มันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เสียงตะโกนดังกล่าวนั้นมีคนได้ยินเป็นจำนวนมาก มันจำเป็นต้องมีมาตรการรับมือที่เหมาะสม"
มีหลักฐานยืนยันว่านักข่าวของ BBC และตากล้องได้ยินเสียงตะโกนเหยียดผิวของโรส(พ่อเป็นชาวจาไมกา)อย่างชัดเจน ตอนที่สเตอร์ริ่งยิงประตูได้และทำมือป้องหูนั้นก็ระบุ "มีพวกงั่งบางคนที่ทำให้ค่ำคืนอันแสนสุดยอดนี้เป็นอันต้องเสียไปเลย ผมเศร้าเหลือเกินจริง ๆ ที่คืนนี้คว้าชัยชนะอันสุดยอดได้แต่ต้องได้ยินเสียงแบบนั้นเข้าหู" มีการยืนยันอย่างชัดเจนว่าเรื่องดังกล่าวนี้จะรายงานไปยังสมาพันธ์ฟุตบอลยุโรป (UEFA) อย่างแน่นอน
แต่เมื่อการแข่งขันจบลงทางฝั่งทีมชาติอังกฤษแสดงความไม่พึงพอใจเป็นอย่างยิ่งกับการที่แฟน ๆ เจ้าบ้านมอนเตเนโกรตะโกนเหยียดสีผิวของแดนนี่ โรส ซึ่งผู้ที่เดือดจัดยิ่งกว่าใครก็คือผู้จัดการทีมอย่างกาเรธ เซาส์เกธ ราฮีม สเตอริ่งและฮัดสัน-โอดอย
กุนซือเซาส์เกธให้สัมภาษณ์ผ่านทาง BBC ว่า "ผมรับไม่ได้ ตอนที่โรสได้รับใบเหลืองในช่วงท้ายเกมมีเสียงตะโกนเหยียดดังขึ้นแน่ ๆ"
"ผมหูไม่ฝาดอย่างแน่นอน ผมจะทำให้เรื่องนี้ต้องถึงสมาพันธ์ มันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เสียงตะโกนดังกล่าวนั้นมีคนได้ยินเป็นจำนวนมาก มันจำเป็นต้องมีมาตรการรับมือที่เหมาะสม"
มีหลักฐานยืนยันว่านักข่าวของ BBC และตากล้องได้ยินเสียงตะโกนเหยียดผิวของโรส(พ่อเป็นชาวจาไมกา)อย่างชัดเจน ตอนที่สเตอร์ริ่งยิงประตูได้และทำมือป้องหูนั้นก็ระบุ "มีพวกงั่งบางคนที่ทำให้ค่ำคืนอันแสนสุดยอดนี้เป็นอันต้องเสียไปเลย ผมเศร้าเหลือเกินจริง ๆ ที่คืนนี้คว้าชัยชนะอันสุดยอดได้แต่ต้องได้ยินเสียงแบบนั้นเข้าหู" มีการยืนยันอย่างชัดเจนว่าเรื่องดังกล่าวนี้จะรายงานไปยังสมาพันธ์ฟุตบอลยุโรป (UEFA) อย่างแน่นอน
"คนที่ได้ยินไม่ได้มีแค่ 1-2 คนเท่านั้น ทุกคนที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งข้างสนามก็ได้ยินกันหมด ควรจะต้องจัดการอะไรสักอย่างจริง ๆ แล้วล่ะ ไม่ใช่ลงโทษแค่ 2-3 คนเท่านั้น ลงโทษให้ครบทุกคนเลย ไม่ว่าจะประเทศไหนก็ตาม ถ้ามีพวกเหยียดสีผิวล่ะก็ต้องโทษแฟนทั้งสนามที่เป็นตัวการทำให้ไม่สามารถรับชมกันได้นี่แหละ"
"ถ้าทำแบบนั้นแล้ว หลังการลงโทษสิ้นสุดลงพวกเขาก็ควรจะเริ่มคิดทบทวนใหม่ พวกเขาล้วนแต่รักฟุตบอล อยากจะเห็นการแข่งขันที่บ้านเกิด ควรคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะทำเรื่องงี่เง่าอะไรแบบนี้เสียด้วยซ้ำ"
ฮัดสัน-โอดอยก็เช่นกัน "พวกเรามีความเท่าเทียมกัน ไม่ควรมีการแบ่งแยกเกิดขึ้นโดยทั้งสิ้น ของแบบนี้เป็นสิ่งที่รับไม่ได้เลย ทาง UEFA ต้องจัดการให้เหมาะสม ผมกับโรสได้ยินเสียงตะโกนเหยียดเพศจริง ๆ" เขากล่าวเช่นนั้น
ส่วนทางเดแคลน ไรซ์ที่ได้ลงตัวจริงในนัดนี้เขาระบุว่า "พวกเรามาเล่นฟุตบอล เราเคารพฝั่งตรงข้าม พวกเขาก็ควรแสดงความเคารพที่มีต่อพวกเราเช่นกัน" เขากล่าวเช่นนั้น
"โรสผิดหวังมาก แม้ทุกวันนี้จะมีการบอกว่าการแบ่งแยกเรื่องเพศมันจบไปแล้วก็ตาม แต่มันจะจบลงจริง ๆ เมื่อไรล่ะ? มันจะยาวนานอีกแค่ไหนกัน มันต้องมีการลงโทษให้มากกว่านี้แล้ว ตอนนี้พวกเราไม่รู้แล้วด้วยซ้ำว่ามีอะไรที่ทำได้หรือไม่ได้บ้าง ต่อให้จะรณรงค์ "เลิกเหยียดสีผิว" สักแค่ไหนก็ตาม แต่พอมาถึงแบบนี้ก็ยังมีการเหยียดกันอยู่ดี สุดท้ายก็กลับสู่จุดเริ่มต้นกันหมด"
ตามที่ไรซ์ได้ระบุเอาไว้ว่า การแบ่งแยกชาติพันธุ์นั้นยังเป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกวันนี้ แม้จะมีการรณรงค์มานานมากแล้วก็ตาม แต่ในความเป็นจริงสถานการณ์ก็ยังคงมีอยู่ทั่วทั้งโลก บางทีควรจะมีมาตรการรับมืออะไรบางอย่างดังเช่นที่สเตอริ่งเคยพูดเอาไว้ว่าห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าชมเกมการแข่งขันอีกต่อไป
จากนี้ต้องมาดูว่า UEFA จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรบ้าง
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest