ทีมชาติโคลัมเบียเอาชนะทีมชาติญี่ปุ่นไปในศึก Kirin Challenge Cup เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสามารถล้างตาในความพ่ายแพ้ที่ศึกฟุตบอลโลกที่รัสเซียได้ ซึ่งผู้ที่ยิงประตูชัยจากการสังหารจุดโทษให้กับทีมโคลัมเบียนั้นก็คือหัวหอกคนสำคัญของทีมอย่างราดาเมล ฟัลเกา 

  หลังการเข้ามาคุมทีมของคาร์ลอส เควโลส นั้นได้ปรับตัวผู้เล่นและแผนการอย่างต่อเนื่อง นัดหน้าก็จะเป็นอีกหนึ่งนัดทดสอบของทีมชาติโคลัมเบียที่จะต้องบุกไปเยือนทีมชาติเกาหลีใต้ประเทศเพื่อนบ้านหลังจากเอาชนะทีมญี่ปุ่นยุคกุนซือโมริยาสุได้

  ที่สนามฝึกซ้อมชานเมืองของกรุงโซล ทางสื่อเกาหลีใต้ได้ไปสัมภาษณ์ราดาเมล ฟัลเกา ก่อนเกมการแข่งขันในวันอังคารนี้จะเริ่มขึ้น โดยเจ้าตัวฟัลเกาได้ตอบคำถามเกี่ยวกับความแตกต่างของสองชาติดังนี้ว่า

  "ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้เป็นทีมที่มีสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกัน แต่ญี่ปุ่นจะมีเทคนิคที่สูงกว่า คุมบอลได้ดีกว่าด้วย แต่ด้านศักยภาพของร่างกายแล้วทางเกาหลีใต้จะเหนือกว่าล่ะมั้งครับ แต่เรื่องการเล่นเกมสวนกลับที่ดุดันและความขยันทำเกมนั้นเป็นคอนเซปต์ที่เหมือนกันทั้งสองชาติครับ ซึ่งในความเป็นจริงจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น ก็คงรู้กันในวันอังคารนี้แหละครับ การจะรู้ให้ได้ว่าทีมชาติเกาหลีใต้เป็นทีมแบบไหนก็ต้องพิสูจน์กันอีกที"

 

  แม้จะเป็นทีมที่กำลังเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่บรรยากาศในทีมกำลังเป็นไปได้สวยเลย

  "บรรยากาศในทีมเป็นแง่บวกที่พร้อมให้กำเนิดสิ่งใหม่ ๆ เสมอ ถึงจะออกมาไล่ล่าหาสิ่งใหม่ ๆ ในดินแดนตะวันออกไกลก็ตาม แต่ก็ไม่มีนักเตะคนไหนที่ขาดสมาธิ พวกเราต่างก็ล้วนโฟกัสเพื่อคว้าชัยชนะมาให้ได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนั้นจึงทำให้พวกเรารู้สึกดีใจมากจริง ๆ ที่ทีมใหม่ของพวกเราสามารถเอาชนะได้ในเกมแรกที่ได้ลงเล่น ตอนนี้ก็เหลืออีกก้าวเดียวเท่านั้นที่จะถึงนัดเจอกับเกาหลีแล้ว ก่อนอื่นเลยต้องตั้งเป้าที่จะคว้าชัยชนะมาให้ได้ก่อน คิดว่านักเตะแต่ละคนน่าจะใช้เวลาเข้าถึงกลยุทธ์ที่จะเจอกับฝั่งตรงข้ามด้วย ตอนนี้เหลือเวลาไม่มากแล้วกว่าจะถึงศึก Copa America นี้"

  ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่าหลังจากที่แก้ปัญหาเรื่องอาการ Jet-lag ได้แล้วนั้น ทีมชาติโคลัมเบียที่นำโดยฟัลเกาจะโชว์ฟอร์มการเล่นแบบไหนออกมา ส่วนทางฝั่งเกาหลีใต้นั้น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็เอาชนะทีมชาติโบลิเวียไปด้วยผลการแข่งขัน 1-0 เพราะฉะนั้นทางญี่ปุ่นที่ไม่ปรารถนาจะพ่ายแพ้สองนัดติดนั้น จะต้องปักธงชัยให้ได้ในการแข่งขันที่สนามในเมืองโกเบให้ได้อย่างแน่นอน

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest