Pick Up!

  • トップ
  • ニュース一覧
  • โยชิดะ มายะ ที่ได้วีซ่าพำนักถาวรได้พูดถึงปัจจัยที่ทำให้นักเตะเจลีกประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ! "ต้องรู้จุดแข็งของตัวเอง..."

โยชิดะ มายะ ที่ได้วีซ่าพำนักถาวรได้พูดถึงปัจจัยที่ทำให้นักเตะเจลีกประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ! "ต้องรู้จุดแข็งของตัวเอง..."

カテゴリ:海外日本人

サッカーダイジェストWeb編集部

2019/03/11

ยังพูดถึงปัจจัยประสบความสำเร็จของนักเตะต่างชาติในเจลีกคนหนึ่งอีกด้วย!

โยชิดะ มายะ ผู้คว้าตำแหน่งปราการหลังตัวจริงคนสำคัญของลีกที่มีการแข็งขันสูงที่สุดในโลก ล่าสุดเขามาแบ่งปันเรื่องราวความสำเร็จของเขา

(C) Getty Images

画像を見る

  หลังจากค้าแข้งอยู่ในพรีเมียร์ลีกที่เป็นลีกฟุตบอลระดับแนวหน้าของโลกมาตลอด 7 ปี ในที่สุดกองหลังทีมชาติญี่ปุ่น โยชิดะ มายะ ก็ได้รับวีซ่าพำนักถาวรที่อังกฤษเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นหนังสือพิมพ์ The Sun ก็ลงบทสัมภาษณ์เจ้าตัวในวันที่ 9 มีนาคมเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาในชีวิตของเขา

  เดือนสิงหาคมปี 2012 โยชิดะย้ายจากสโมสร VVV-Venlo แห่งลีกดัทช์มายังสโมสรเซาแทมป์ตันแห่งพรีเมียร์ลีก ซึ่งทางโยชิดะได้ให้สัมภาษณ์ว่า "ในที่สุดผมก็กลายเป็น "คนอังกฤษ" อย่างเป็นทางการ ก็เพราะว่าได้วีซ่าพำนักถาวรมาแล้วล่ะนะครับ ผมต้องรอมานานถึง 6 ปีกว่าจะสอบผ่าน" โยชิดะกล่าวรายงานเช่นนั้น

  "ผมสอบ Speaking, Listening และ Life in the UK(ข้อสอบเรื่องการอยู่อย่างไรในอังกฤษ) โดยเฉพาะอย่างหลังนี่มันคือข้อสอบที่ยากที่สุดแล้วครับ ตอนนี้ผมรู้สึกกลายเป็นคนอังกฤษ 25% แล้ว"

  โยชิดะ มายะ ได้บ้านพำนักถาวรที่ทำให้เขาสามารถลงเล่นรับใช้ทีมชาติญี่ปุ่นและเล่นเพื่อทีมในเกาะอังกฤษได้อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเจ้าตัวโยชิดะก็ระบุว่า "ผมได้รับการทดสอบที่ทรหดเสมอในเซาแทมป์ตัน" พร้อมกับพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาว่า

  "ถ้านึกย้อนถึงคู่แข่งคนต่าง ๆ ที่เคยเจอมา ก็จะมีโทบี้(อัลเดอวารายด์)ที่ตอนนี้อยู่กับทอตแนมป์ เดจาง(ลอฟเรน)ลิเวอร์พูล แล้วก็วานไดรก์อีกคน โดยเฉพาะรายหลังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นครับ แล้วก็ยังมีอีกคนคือโจเซ่ ฟอนเต้(เซนเตอร์แบ็คทีมชาติโปรตุเกส)ที่คว้าแชมป์ยุโรปมาก่อน สภาพแวดล้อมเหล่านี้ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นและพัฒนาฟอร์มการเล่นของผมครับ"

  คู่แข่งที่แสนแข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าซึ่งทำให้บางครั้งโยชิดะต้องกลายเป็นคนอุ่นม้านั่งไปเพียงอย่างเดียว ซึ่งเจ้าตัวก็เปิดเผยความจริงในใจออกมาว่า

  "แต่มันก็ยังยากครับ โดยเฉพาะบางทีผมก็ได้ลงเล่นในหลายเกม แล้วก็ต้องหยุดพักไปหลายเกม จากนั้นผมก็ไปเล่นรับใช้ทีมชาติแล้วพอกลับมาผมก็เสียตำแหน่งของตัวเองไป บางทีผมก็รู้สึกแบบ "ให้มันได้อย่างงี้สิวะพระเจ้าช่วย! นี่เราต้องเอาใหม่อีกแล้วเหรอ!" ราว ๆ นั้นครับ" 

  ทว่าท่ามกลางการแก่งแย่งตำแหน่งตัวจริงอันสุดร้อนแรงนั้น ในที่สุดโยชิดะก็กลายเป็นประการหลังคนสำคัญที่ได้ตำแหน่งตัวจริงถาวรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากเดือนมกราคมเขาต้องลงสู้ศึกเอเชียนคัพจึงทำให้ต้องหายไป พอกลับมาที่อังกฤษอีกครั้งก็ต้องหยุดพักเป็นคนอุ่นม้านั่งไป 2 เกม ในที่สุด 3 เกมล่าสุดของพรีเมียร์ลีกนี้เขาก็ได้ลงเล่นตลอด 90 นาที"
 
  การที่ต้องอยู่รอดในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายของพรีเมียร์ลีกนั้นทำให้โยชิดะได้ "พลังในการเอาตัวรอด" เพื่อปรับตัวในสถานการณ์ต่าง ๆ มาด้วย ซึ่งโยชิดะก็พูดถึงนักเตะในเจลีกด้วย

  "ผมเห็นชาวต่างชาติที่โชว์ผลงานยอดเยี่ยมในอังกฤษและในญี่ปุ่นมาอย่างมากมาย นักฟุตบอลที่ดีก็ยังเป็นนักฟุตบอลที่ดี แต่เฉพาะนักฟุตบอลแข็งแกร่งเท่านั้นที่มีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะเอาตัวรอดในวงการฟุตบอล"

  "โดยเฉพาะญี่ปุ่นกับอังกฤษที่วัฒนธรรมแตกต่างกันคนละขั้ว ตัวอย่างเช่น Jay Bothroyd ที่พยายามปรับตัวแล้วเขารู้ว่าอะไรคือจุดแข็งของเขาในเจลีก เขาเล่นได้ดีมากและนั่นทำให้เขาเลือกที่จะอยู่ญี่ปุ่นและต่อสัญญาต่อไป ซึ่งมันก็เหมือนกันกับผม ผมรู้ว่าอะไรคือจุดแข็งของผมแล้วผมมีอะไรที่แตกต่างจากคนอื่น ผมรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นที่ผมจำเป็นต้องปรับตัวและปรับแต่งเพื่ออยู่รอดในพรีเมียร์ลีกให้ได้"

  การลองผิดลองถูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่คือ "สภาพแวดล้อมพิเศษ" ที่โยชิดะอาศัยอยู่ในลีกสูงสุดที่มีซุปเปอร์สตาร์แข่งขันกันอย่างมากมาย บางทีการที่เขาได้รับวีซ่าพำนักถาวรนั้นอาจจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งบอกได้ว่าเขาคือนักเตะระดับแนวหน้าคนหนึ่งในโลก

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest
 
【関連記事】

Facebookでコメント