วันที่ 6 มีนาคมตามเวลาท้องถิ่น Porto เปิดบ้านรับการมาเยือนของ Roma ในศึก UEFA Champions League รอบ 16 ทีมสุดท้ายเลกที่ 2 การแข่งขันยื้อไปจนถึงช่วงทดเวลาพิเศษ ซึ่งปอร์โต้ก็เอาชนะโรม่าจนได้เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นปีที่สองต่อเนื่อง

  การแข่งขันนัดแรกโรม่าเอาชนะด้วยผลการแข่งขัน 2-1 ส่วนนัดต่อมาก็แพ้ 1-2 จนทำให้คะแนนรวมเท่ากันที่ 3-3 จนกระทั่งการแข่งขันดำเนินไปถึงนาทีที่ 114 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทีมปอร์โต้ได้จุดโทษจากการตัดสินของ VAR จากการที่ Alessandro Florenzi ดึงเสื้อ แล้ว Alex Telles ก็เป็นผู้สังหารจุดโทษไปจนทำให้คะแนนรวมของปอร์โต้กลายเป็น 4-3

  ทางฝั่งของโรม่านั้น หากโรม่าทำประตูตีเสมอได้ล่ะก็โรม่าจะเข้ารอบไปจากกฎ Away Goal ซึ่งในช่วงทดเวลาพิเศษนั้น Patrik Schick ก็ล้มลงในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินชาวตุรกีอย่าง Cuneyt Cakir กลับเลือกที่จะเมินเฉยไม่ดู VAR มีแค่การพูดคุยกับห้องตัดสินผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารเท่านั้นแต่ก็ไม่ได้นับว่าเป็นการทำฟาวล์แต่อย่างใด
 

  พอนกหวีดดังขึ้น ทางโรม่าก็เดินทางออกจากสนามแข่งโดยทันที ซึ่งทางทวิตเตอร์ของโรม่าได้เปิดเผยคำพูดของประธานสโมสรอย่าง James Palotta ว่า "เมื่อปีก่อนพวกเราเรียกร้องให้มี VAR ในแชมป์เปี้ยนส์ลีกเพราะพวกเราถูกชิงชัยชนะในรอบรองชนะเลิศไป แต่คืนนี้ถึงแม้จะมี VAR แต่พวกเราก็ยังถูกชิงชัยชนะไปเหมือนเดิม" ด้วยอารมณ์สุดเดือด
　
  "แพทริคถูกทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษจริง ซึ่ง VAR ก็แสดงให้เห็น แต่กระนั้นกลับไม่มีการตัดสินอะไรทั้งสิ้น เบื่อเหลือเกิน ผมยอมแล้ว"

  หนังสือพิมพ์อิตาลี Gazzetta dello Sport ได้เปิดเผยคำพูดของกองหลังโรม่า Kostas Manolas ว่า "ไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ว่า ทั้งที่มี VAR อยู่จะมีการตัดสินที่ผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ผู้ตัดสินไม่คิดแม้แต่จะดูเลยด้วยซ้ำ" เขาอดกลั้นความโมโหเอาไว้ไม่ได้เลย

  "ควรละอายหน่อยนะ เห็นชัด ๆ เลยว่ามีการปะทะเกิดขึ้น ผู้ตัดสินควรดูภาพย้อนหลังเพื่อมอบจุดโทษให้พวกเรา นี่มันอะไรนักหนา ทำไมพวกเราต้องเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยล่ะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ตอนเจอกับลิเวอร์พูลเมื่อปีก่อนนั้นจุดโทษที่พวกเราควรจะได้ 2 ลูกกลับไม่ได้ด้วย" ถึงแม้ผู้ตัดสินจะออกมาขอโทษในภายหลังก็เถอะ แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น"

  สำหรับสโมสรโรม่านั้น เกมลีกที่ผ่านพวกเขาเพิ่งบุกไปพ่ายลาซิโอ้ 0-3 ล่าสุดตอนนี้ก็ตกรอบในถ้วยแชมป์เปี้ยนส์ลีกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีข่าวว่าจะปลดตัวกุนซืออย่าง Eusebio Di Francesco อีกด้วย ปัจจุบันนี้อยู่อันดับ 5 ในเซเรียอา ต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าโรม่าจะแย่ง Top4 เพื่อลุ้นโควต้าไปแชมป์เปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้าต่อไปได้หรือไม่
　
ข่าวโดยกองบรรณาธิการแห่ง Soccer Digest