วันที่ 24 กุมภาพันธ์ การแข่งขันในศึกลาลีก้าที่สโมสรเรอัลมาดริดบุกไปเยือนเลวานเต้นั้น แกเร็ธ เบล ผู้สังหารจุดโทษได้กลับปัดมือของลูคัส วาซเควสที่เข้ามาแสดงดีใจจากทางด้านหลังพร้อมกับแสดงท่าทีไม่สบอารมณ์ออกมา ซึ่งการกระทำของเขาได้ก่อให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย

  หนังสือพิมพ์สเปน Marca ฉบับวันที่ 25 มกราคมได้ลงข่าวว่า แต่ไหนแต่ไรแกเร็ธ เบลไม่พึงพอใจที่เขาต้องเก้าอี้ม้านั่งสำรอง มิหนำซ้ำการถูกเพื่อนร่วมทีมอย่างมาเชลโล่และธิโบ คูร์ตัวส์ออกมาแฉว่าเบลไม่ยอมพูดภาษาสเปนและถูกตั้งชื่อเล่นว่า "Golfer(ผู้คลั่งไคล้กอล์ฟ)" นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์กับเพื่อนร่วมทีมในตอนนี้

  สาเหตุอีกหนึ่งประการคือการที่กุนซือของทีมอย่างซานติอาโก้ โซลารี่เลือกที่จะส่งนักเตะอายุน้อยอย่างเฟเดอริโก้ วาลเวอร์เด้ลงสนามก่อนที่จะส่งเขาลงอีกด้วย
 

  ทาง Marca ยังลงข่าวอีกว่า เบลที่ออกมาอบอุ่นร่างกายพร้อมกับวาลเวอร์เด้และมาร์โค่ อาเซนซิโอ้นั้น เขาเข้าใจว่ากุนซืออย่างโซลารี่จะเรียกให้เขาลงสนามก่อนเป็นคนแรก

  แต่พอทราบว่าตัวเองกลับไม่ใช่คนที่จะต้องลงสนาม ก็เลยเข้าใจว่าน่าจะเป็นตัวของอาเซนซิโอ้แทน ทว่าในความเป็นจริงกุนซืออย่างโซลารี่กลับเลือกที่จะส่งดาวรุ่งอย่างวาลเวอร์เด้ลงสนามไปเป็นนักเตะตัวสำรองคนแรก ทางเบลจึงบอกผู้ช่วยที่ข้างสนามว่า "ผมจะกลับไปดื่มน้ำ" ซึ่งผู้ช่วยก็ตอบว่า "เดี๋ยวจะไปหยิบน้ำให้เอง" แต่กระนั้นเบลกลับเมินเฉย เขาล้มเลิกการอบอุ่นร่างกายกลางคันแล้วก็เดินกลับไปที่ม้านั่งเลย

  เมื่อถึงม้านั่งแล้วเบลก็เปิดน้ำดื่มแล้วก็ทิ้งตัวลงเก้าอี้ทันที เขานั่งแช่อยู่ที่เก้าอี้ร่วม 5 นาทีจนถูกส่งให้ลงสนาม ถึงแม้เมื่อเขาลงสนามแทนที่คาริม เบนเซม่าไปเพียง 4 นาทีจะได้สังหารจุดโทษเลยก็ตาม แต่กระนั้นกลับไม่แสดงความยินดีที่ทำประตูได้แต่เป็นการแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวออกมาแทนเสียด้วยซ้ำ

  การที่เบล "ปฏิเสธการอบอุ่นร่างกาย" นั้นหากเขาจะโดนบทลงโทษก็ไม่แปลกอะไร ทว่าทาง Marca กลับระบุว่ากุนซือของเรอัลมาดริดอย่างโซลารี่ไม่กระทำการลงโทษใด ๆ ทั้งสิ้น เขากลับเลือกที่จะให้เบลเป็นนักเตะตัวจริงในศึก Copa del Rey เลกที่ 2 ที่จะเจอกับบาร์เซโลน่าเสียด้วย

  เกมเลกแรกนั้นเป็นการเสมอ 1-1 ที่คัมป์นู ซึ่งในเลกที่ 2 จะเป็นการเปิดสนามซานติอาโก้ เบอร์นาบิวต้อนรับการมาเยือนของบาร์เซโลน่า หากเป็นไปตามข่าวที่ออกมาล่ะก็ ต้องมาดูกันว่าฟอร์มการเล่นของเบลนั้นเขาจะทำให้เพื่อนร่วมทีมและคนรอบข้างยอมรับได้หรือไม่