การหวนกลับทีมเก่าเป็นครั้งแรกหลังย้ายสู่ถิ่นต้องห้าม...
คูร์ตัวส์ผู้ได้รับการต้อนรับอย่างสุดช็อคจากแฟน ๆ แอตเลติโกมาดริด(ภาพซ้าย) หลังการแข่งขันจบลงเขาก็บอกเล่าความรู้สึกออกมา
(C) Getty Images
การแข่งขันนัดที่ 23 ของศึกลาลีก้าในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่น สโมสรเรอัลมาดริดที่บุกไปเยือนคู่ปรับตลอดกาลอย่างแอตเลติโกมาดริดนั้นคว้าชัยชนะได้ด้วยผลการแข่งขัน 3-1
ในขณะนั้นแอตเลติโกมาดริดที่อยู่อันดับ 2 ตามหลังบาร์เซโลน่าจ่าฝูงอยู่ 6 แต้ม ส่วนเรอัลมาดริดอันดับ 3 ตามหลังอยู่ 8 แต้ม ศึกดาร์บี้แมทช์นัดที่ 273 ระหว่างคู่ปรับร่วมเมืองนั้นเริ่มต้นขึ้นด้วยความดุเดือด
ผู้ที่ทำประตูนำก่อนคือฝั่งทางเรอัลมาดริด ในนาทีที่ 16 คาเซมิโร่กระโดดเตะลูกวอลเล่ย์ข้ามหัวเข้าประตูอย่างสวยงาม จากนั้นในนาทีที่ 25 อองตวน กรีซมันน์ ทำประตูตีเสมอให้ จนกระทั่งนาทีที่ 42 เรอัลมาดริดก็ได้จุดโทษซึ่งผู้ที่ทำการสังหารจุดโทษก็คือเซร์ฆิโอ รามอส ส่วนลูกสุดท้ายนั้นเกิดขึ้นในนาทีที่ 74 จากจังหวะสวนกลับของแกเร็ธ เบล ซึ่งนั่นเป็นการปลิดลมหายใจของแอตเลติโกมาดริดอย่างเป็นทางการ
แต่ประเด็นสนใจจากการแก่งแย่งที่นั่งหัวตารางยังไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เพราะบรรยากาศพิลึกพิลั่นเริ่มมีตั้งแต่ก่อนการแข่งขันแล้ว นั่นก็เพราะแฟน ๆ เจ้าถิ่นบางส่วนทำการโห่กดดันอย่างหนักหน่วงใส่อดีตเด็กเก่าในถิ่นตัวเองที่ปัจจุบันนี้กลายเป็นนายทวารหลักของสโมสรเรอัลมาดริดอย่าง ธีโบ กูร์ตัวส์นั่นเอง
คูร์ตัวส์ที่อยู่กับสโมสรแอตมาดริดเป็นเวลา 3 ปีนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2011 นั้น จนกระทั่งเมื่อเข้าสู่ช่วงตลาดซื้อขายนักเตะฤดูร้อนที่ผ่านมา กูร์ตัวส์ก็ย้ายจากเชลซีมาอยู่กับเรอัลมาดริดซึ่งนั่นจัดได้ว่าเป็นการ "ย้ายเข้าสู่ทีมต้องห้าม" มิหนำซ้ำในช่วงเดือนธันวาคมของปีก่อน ทางคูร์ตัวส์ก็ออกมาพูดว่า "ซิเมโอเน่ดุด่ามาดติดเพื่อเรียกความนิยมจากแฟน ๆ" ซึ่งนั่นทำให้ภาพลักษณ์ของเขาที่มีต่อแฟน ๆ ทีมเก่านั้นเลวร้ายลงไปอีก
แล้วนั่นจึงเป็นผลพวงที่ทำให้คูร์ตัวส์ผู้กลับมาเยือนทีมเก่าเป็นครั้งแรกหลังจากย้ายมาอยู่ถิ่นราชันชุดขาวนั้นจึงได้รับการ "ตอบรับ" อย่างสุดหนักหน่วง
ในขณะนั้นแอตเลติโกมาดริดที่อยู่อันดับ 2 ตามหลังบาร์เซโลน่าจ่าฝูงอยู่ 6 แต้ม ส่วนเรอัลมาดริดอันดับ 3 ตามหลังอยู่ 8 แต้ม ศึกดาร์บี้แมทช์นัดที่ 273 ระหว่างคู่ปรับร่วมเมืองนั้นเริ่มต้นขึ้นด้วยความดุเดือด
ผู้ที่ทำประตูนำก่อนคือฝั่งทางเรอัลมาดริด ในนาทีที่ 16 คาเซมิโร่กระโดดเตะลูกวอลเล่ย์ข้ามหัวเข้าประตูอย่างสวยงาม จากนั้นในนาทีที่ 25 อองตวน กรีซมันน์ ทำประตูตีเสมอให้ จนกระทั่งนาทีที่ 42 เรอัลมาดริดก็ได้จุดโทษซึ่งผู้ที่ทำการสังหารจุดโทษก็คือเซร์ฆิโอ รามอส ส่วนลูกสุดท้ายนั้นเกิดขึ้นในนาทีที่ 74 จากจังหวะสวนกลับของแกเร็ธ เบล ซึ่งนั่นเป็นการปลิดลมหายใจของแอตเลติโกมาดริดอย่างเป็นทางการ
แต่ประเด็นสนใจจากการแก่งแย่งที่นั่งหัวตารางยังไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เพราะบรรยากาศพิลึกพิลั่นเริ่มมีตั้งแต่ก่อนการแข่งขันแล้ว นั่นก็เพราะแฟน ๆ เจ้าถิ่นบางส่วนทำการโห่กดดันอย่างหนักหน่วงใส่อดีตเด็กเก่าในถิ่นตัวเองที่ปัจจุบันนี้กลายเป็นนายทวารหลักของสโมสรเรอัลมาดริดอย่าง ธีโบ กูร์ตัวส์นั่นเอง
คูร์ตัวส์ที่อยู่กับสโมสรแอตมาดริดเป็นเวลา 3 ปีนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2011 นั้น จนกระทั่งเมื่อเข้าสู่ช่วงตลาดซื้อขายนักเตะฤดูร้อนที่ผ่านมา กูร์ตัวส์ก็ย้ายจากเชลซีมาอยู่กับเรอัลมาดริดซึ่งนั่นจัดได้ว่าเป็นการ "ย้ายเข้าสู่ทีมต้องห้าม" มิหนำซ้ำในช่วงเดือนธันวาคมของปีก่อน ทางคูร์ตัวส์ก็ออกมาพูดว่า "ซิเมโอเน่ดุด่ามาดติดเพื่อเรียกความนิยมจากแฟน ๆ" ซึ่งนั่นทำให้ภาพลักษณ์ของเขาที่มีต่อแฟน ๆ ทีมเก่านั้นเลวร้ายลงไปอีก
แล้วนั่นจึงเป็นผลพวงที่ทำให้คูร์ตัวส์ผู้กลับมาเยือนทีมเก่าเป็นครั้งแรกหลังจากย้ายมาอยู่ถิ่นราชันชุดขาวนั้นจึงได้รับการ "ตอบรับ" อย่างสุดหนักหน่วง
หนังสือพิมพ์ Marca ของทางสเปนระบุว่า นอกจากเสียงโห่ร้องในระหว่างการแข่งขันจะดังแล้ว ยังมีถ้อยคำก่นด่าอาทิ "หน้าเงิน" "ทรยศ" เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีการปาตุ๊กตาหนูเป็นจำนวนมากลงเข้ามาในสนามอีกด้วย ซึ่งแฟน ๆ แอตเลติโกมาดริดหลายคนก็อัพข้อความกันในโลกออนไลน์ว่า "นี่คือบทลงโทษของคนหักหลัง" กันอย่างสนุกปาก
เมื่อโดนแบบนี้เข้าแน่นอนว่ามันคงก่อความรู้สึกแสนเอือมระอาไม่เบา กระนั้นคูร์ตัวส์ก็ยังให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันว่า "ผมยังมีความเคารพในตัวแฟน ๆ ของแอตเลติโกมาดริดอยู่เหมือนเดิม" เขาแค่ตอบเรียบ ๆ แล้วก็กล่าวเสริมว่า
"การรักษาใจให้สงบและมีสมาธิกับเกมนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมไม่ได้คิดเรื่องที่พวกเขาปาของลงมาใส่ผมด้วยซ้ำไปครับ มันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับผมเลย แน่นอนว่าผมจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาตลอด 3 ปีที่อยู่ที่นี่ครับ มันเป็นช่วงเวลา 3 ปีที่แสนงดงามมากจริง ๆ"
แม้คูร์ตัวส์จะได้รับการปฏิบัติจากแฟน ๆ ถิ่นเก่าเช่นนั้น แต่เขาก็ยังตอบรับและเล่นฟุตบอลอย่างสง่างาม ต้องชื่นชมจริง ๆ ว่าจิตใจของเขานั้นช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน
ด้วยความทุ่มเทของเขานั้น จึงทำให้หลังจบการแข่งขันเรอัลมาดริดขึ้นมาอยู่ที่ 2 แล้วตามหลังบาร์เซโลน่าเพียง 5 คะแนนเท่านั้น(อันดับชั่วคราวหลังจบการแข่งขัน) บางทีนี่อาจจะนำไปสู่การพลิกผันในช่วงท้ายฤดูกาลก็เป็นได้
次ページ【VIDEO】มาดริดดาร์บี้อันร้อนแรง! ประตูสุดสวยของเบลและรามอสอยู่ที่นี่