การแข่งขันเอเชียนคัพรอบรองชนะเลิศ ทีมชาติญี่ปุ่นเอาชนะทีมชาติอิหร่านด้วยผลการแข่งขัน 3-0 หลังจบการแข่งขันทางเว็บไซต์ของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) ได้ทำการสัมภาษณ์มินามิโนะ ทาคุมิ ชายผู้เป็นกระดูกสันหลังของทีมชาติญี่ปุ่นในนัดนี้
"การไปถึงรอบชิงชนะเลิศคือเป้าหมายของพวกเราครับ ยอมรับเลยว่าการเจอกับอิหร่านที่เป็นทีมชั้นนำของเอเชียนั้นเป็นเกมที่ยากลำบากมาก แต่ผมก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเลยครับที่พวกเราเอาชนะกันได้ด้วยทั้งทีม การประสานงานในแผงเกมรุกของทีมเราดีขึ้นเรื่อย ๆ จนสัมผัสได้ ในนัดชิงก็อยากจะทำให้ได้แบบนี้เหมือนกันครับ"
มินามิโนะ ทาคุมิพูดถึงการแอสซิสต์ในนาทีที่ 56 ให้กับโอซาโกะ ยูยะที่เป็นส่วนสำคัญทำให้เกมเปลี่ยนนั้น "ผมพยายามวิ่งไปทั่วทุกที่เพื่อหาลูกครับ แต่ในจังหวะที่ผมแย่งบอลได้ตอนนั้นผมสัมผัสได้ว่าฝั่งตรงข้ามนั้นหยุดชะงัก ผมก็เลยจ่ายลูกให้กับซาโกะคุงที่อยู่ตรงกลางจนเกิดเป็นประตูขึ้นมา มันทำให้ผมรู้สึกดีมากเลยครับ"
「เขารู้สึกสนุกกับเวทีใหญ่」 มินามิโนะ ทาคุมิ ผู้มีส่วนร่วมกับทุกประตูในเกมกับอิหร่านได้รับคำชมอย่างมากมาย!|Asian Cup
カテゴリ:日本代表
2019/01/29
"ต่อให้คนอื่นจะว่าอะไร..."

มินามิโนะผู้วิ่งช่วยทีมชาติญี่ปุ่นทั้งเกมรุกและเกมรับอย่างขยันขันแข็ง เขาคือหนึ่งในกระดูกสันหลังของทีมชาติญี่ปุ่นยุคนี้ นัดนี้ช่วยทีมได้ถึง 3 แอสซิสต์
ภาพโดย: โมโตกิ อากิระ (Soccer Digest Photo Team)
ทาง AFC กล่าวถึงมินามิโนะที่ยังมีประสบการณ์ไม่มากนักในทัวร์นาเมนต์นี้ว่า "เขาไม่ได้รู้สึกกดดันจนตัวงอ กลับกลายเป็นรู้สึกสนุกกับทัวร์นาเมนต์ในหนนี้ด้วยซ้ำ" กลายเป็นความรู้สึกแปลกใจกับความ "มีของ" ก็ว่าได้
"ปกติจากการเล่นในยุโรปนั้น ผมคิดว่าการเล่นใน "เกมใหญ่ ๆ" แบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาที่ได้ประสบการณ์มากขึ้นครับ ผมมีความฝันว่าจะเล่นให้กับทีมชาติญี่ปุ่นตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ผมเลยไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยครับ มันเป็นความรู้สึก "ตั้งหน้าตั้งตารอ" ที่จะได้เล่นให้กับทีมชาติ มันเป็นแรงกระตุ้นว่า "ผมทำสำเร็จแล้วล่ะ" ในทุกครั้งเลยครับ"
มินามิโนะกล่าวแสดงความคิดเห็นที่ฟังแล้วชื้นใจเป็นอย่างยิ่งออกมา ตัวของมินามิโนะที่อยู่กับสโมสร Red Bull Salzburg ที่คว้าแชมป์ลีกในประเทศมา 4 หน คว้าแชมป์ถ้วยในประเทศ 3 หนมาแล้วนั้น เขารู้สึกมีแรงกระตุ้นที่จะพาทีมชาติญี่ปุ่นคว้าแชมป์มาให้ได้เป็นอย่างยิ่ง ในการแข่งขันที่เหลืออยู่เพียง 1 นัดนี้ไฟในตัวของเขาคงลุกโชนเป็นแน่
"ต่อให้คนรอบข้างจะว่าอะไร ผมก็ยังเชื่อมั่นในสิ่งที่พวกเราทำกันตลอดมาครับ พวกเราจะเตรียมตัวเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศ ถึงแม้พอเข้าสู่ยุคกุนซือโมริยาสุนั้นทีมชาติญี่ปุ่นยังแพ้ไม่เป็นเลยก็ตาม แต่เรื่องนั้นก็ไม่เกี่ยวครับ ผมอยากจะร่วมแรงกับทุกคนเพื่อเตรียมญี่ปุ่นให้พร้อมที่สุดสู่นัดชิงชนะเลิศ ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสภาพความเป็นทีมของพวกเราที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ครับ"
การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศจะเริ่มในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ (เวลา 21 นาฬิกาตามเวลาประเทศไทย) ทีมชาติญี่ปุ่นจะต้องเจอกับทีมชาติกาตาร์ที่เอาชนะเจ้าภาพ UAE มาได้