วันที่ 19 มกราคมตามเวลาท้องถิ่น ศึกบุนเดสลิก้าที่กลับมาเตะกันเป็นครั้งแรกในปี 2019 เป็นเกมการแข่งขันนัดที่ 18 ของสโมสร Frankfurt ที่ต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของสโมสร SC Freiburg โดยเป็นทางฝั่งของเจ้าบ้านที่คว้าชัยชนะไปด้วยผลการแข่งขัน 3-1 ขึ้นไปอยู่ที่ 5 ของตารางตามหลังที่ 4 อย่างสโมสร RB Leipzig อยู่ 1 แต้ม

  ผลงานที่ดีวันดีคืนของสโมสรนั้นไม่ได้มาจากฟอร์มของตัวรุกระดับแนวหน้าของลีกอย่าง Luka Jović (16 นัด 13 ประตู) และ Sébastien Haller (18 นัด 10 ประตู) แต่เพียงเท่านั้น ยังมาจากเกมรับอันเข้มแข็งที่นำโดยฮาเซเบะ มาโคโตะที่ปัจจุบันนี้เล่นในตำแหน่ง Sweeper อีกด้วย

  การเข้ามาคุมทีมของกุนซือ Adi Hütter ในฤดูกาลนี้นั้น แม้เขาจะไม่มอบตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับให้กับนักเตะญี่ปุ่นวัย 35 ปีหลังกลับมาจากศึกฟุตบอลโลกก็ตาม แต่เขาก็เลือกที่จะให้มาโคโตะเล่นในตำแหน่งสวีพเปอร์ ซึ่งมาโคโตะก็โชว์ฟอร์มดีจนได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่ว่ากุนซืออย่างฮุตเตอร์ต้องเอ่ยปากชมเลยว่า "ฟอร์มของทีมจะไม่ครบถ้วนหากปราศจากมาโคโตะ" เลยทีเดียว

  แม้จะผ่านช่วงพักเบรคฤดูหนาวไปก็ตาม แต่ความเชื่อใจก็ยังไม่จางหายไปไหน นัดแรกในปี 2019 ที่ได้กลับมาเตะกันอีกครั้ง ฮาเซเบะ มาโคโตะก็ได้รับตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คที่เป็นหัวใจสำคัญในเกมรับของทีม ซึ่งทางกุนซือฮุตเตอร์ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารเยอรมัน kicker ในระหว่างการเก็บตัวฝึกอยู่ว่า "มาโคโตะเหมือนกับไวน์ ยิ่งนานเท่าไรยิ่งเข้มข้นขึ้นเท่านั้น เขาดีขึ้นเรื่อย ๆ" กุนซือกล่าวชมเป็นอย่างยิ่ง

  นอกจากนั้นฟอร์มของมาโคโตะในเกมกับไฟร์บวร์กก็ยังเดือดจัดอีกด้วย จนกระทั่งสื่อเยอรมันอย่าง Bild ที่กล่าวชมผลงานการยิงลูกที่ 2 ของ Ante Rebić และ Sebastian Rode ที่ยืมตัวมาจากดอร์ทมุนด์แล้วนั้นก็ยังกล่าวชมฮาเซเบะและมอบคะแนนดีที่สุดอันดับ 2 ให้อีกด้วย (อันดับ 1 คือสูงสุด 6 คือต่ำสุด)

  "เขาอายุ 35 แน่เหรอ? แม้กระทั่งอยู่ต่อหน้า Lucas Höler ก็ยังโชว์ฟอร์มการป้องกันลูกที่แสนมีชีวิตชีวา เขาผนึกกำลังป้องกันได้อย่างเข้มแข็ง คนที่โชว์ฟอร์มในการเทคแอคชั่นกับลูกบอลที่สุดในเกมนัดนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฮาเซเบะเลย"

  อดีตนักเตะทีมชาติญี่ปุ่นที่อายุเพิ่งครบ 35 ปีในวันที่ 18 นี้นั้น เขาได้รับความเชื่อมั่นจากชาวเยอรมัน ดูเหมือนว่าจะยังเติบโตต่อจากนี้ได้อีกด้วย

  เกมนัดหน้าแฟรงค์เฟิร์ตจะบุกไปเยือนสโมสรเบรเมนที่โอซาโกะ ยูยะสังกัดอยู่ ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าฤดูกาลครึ่งหลังที่เหลืออยู่นั้นมาโคโตะจะโชว์ฟอร์มแบบไหนออกมา