คนแรกที่จะพูดกันนั้นคือยามากุจิ โฮตารุ ที่ย้ายจากสโมสรเซเรโซโอซาก้ามาเข้าวิสเซลโกเบ มิดฟิลด์คนนี้หลังจากจบฟุตบอลโลกที่บราซิลเขาก็ฟอร์มตกลงไป จนกระทั่งเมื่อกุนซือ Yoon Jong-hwan เข้ามาคุมทีมโอซาก้า ยามากุจิจึงถูกแต่งตั้งให้เป็นกัปตันเพื่อเรียกความมั่นใจและปรับฟอร์มคืนกลับมาอีกครั้ง ทว่าเวลาเพียง 1 ปีนั้นยังไม่มากเพียงพอ หากมองจากช่วงอายุแล้วปีนี้คงกลายเป็นปีสุดท้ายที่จะสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีกขั้น เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลดังกล่าวนั้นจึงทำให้การย้ายไปอยู่วิสเซลโกเบ การได้เล่นร่วมกับอิเนียสต้าและคนอื่นภายใต้การคุมทีมของกุนซือลิลโล่นั้นเป็นผลดีกับตัวเขาเองมากยิ่งกว่า การได้เล่นอยู่ในแดนกลางกับนักเตะระดับเวิร์ลคลาสภายใต้การทำทีมแบบเน้นเชื่อมบอลและครองบอลนั้นจะยิ่งทำให้เขาเรียกฟอร์มเดิมกลับคืนมาและอาจจะมากเพียงพอที่จะทำให้กลับไปติดทีมชาติเหมือนเดิมด้วยซ้ำไป
รายต่อไปคือสุกิโมโตะ เคนยู ถ้าเขายังคงอยู่เซเรโซโอซาก้าต่อไปคงไม่ทำให้พัฒนาอย่างกล่าวกระโดดได้แน่ เลยทำให้เขาตัดสินใจที่จะย้ายไปอยู่กับอุราวะอย่างเต็มตัวที่ไม่ใช่แค่การยืมตัวเท่านั้น ทางฝั่งของอุราวะนั้นเป็นทีมที่ขึ้นชื่อว่ามีระบบการทำเกมรุกที่ดุดัน มิหนำซ้ำความสามารถในการเติมบอลก็มีสูงด้วย จำนวนครั้งที่เขาจะได้รับโอกาสนั้นน่าจะมีมากยิ่งกว่าสมัยอยู่โอซาก้าด้วยซ้ำไป หากเขาทำประตูได้ไวล่ะก็จะต้องได้รับความเชื่อมั่นจากกุนซืออย่าง Oswaldo de Oliveira แน่นอน เลยทำให้คาดหวังเรื่องที่เขาจะเติบโตกว่านี้ได้ แม้ตัวของสุกิโมโตะ เคนยู จะมีทักษะในการหาช่องวิ่งตลบกองหลังเก่งก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะสามารถเอาชนะโคโรกิ ชินโซได้ เขาจำเป็นต้องเรียนรู้จากหัวหอก ซึมซับ แล้วก็ระเบิดฟอร์มออกมาให้ได้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด
ทาเคโทมิ โคสุเกะ การย้ายมาอยู่โชนันของเขานั้นมีแต่ผลบวกของทั้งฝั่งตัวนักเตะและสโมสรโชนันอีกด้วย โดยส่วนตัวของกุนซืออย่าง Cho Kwi-jea นั้น ถึงแม้จะมีฉายารองว่าเป็น "โรงงานรีเซเคิลนักเตะ" ก็ตาม ซึ่งในความเป็นจริงก็ถือว่าเป็นเช่นนั้นเลย เขาเป็นคนที่เรียกฟอร์มนักเตะออกมาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะทั้งนักเตะอย่างยามาดะ นาโอกิหรืออุเมซากิ สึคาสะเป็นต้น พวกเขาถูกขัดเกลาโดยโชนันจนเติบโตขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นแล้วกลายเป็นกำลังสำคัญของทีม เพราะฉะนั้นทาเคโทมิเองก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถกลับมาระเบิดฟอร์มได้อีกครั้ง จริงอยู่ที่ในช่วงแรกเขาอาจจะยังไม่ค่อยชินกับสไตล์บอลของโชนันสักเท่าไร บางทีเขาอาจจะกลายเป็นนักเตะที่เหมือนกับยามาดะผู้ไม่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีจนทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าจะปรับตัว แต่บางทีเขาอาจจะเป็นนักเตะแบบอุเมซากิที่ใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวก็สามารถระเบิดฟอร์มกลับมาจนกลายเป็นภาพลักษณ์ที่โดดเด่นออกมาได้ แม้อาจจะมีปัญหาโดยการส่วนตัวของทาเคโทมิด้วยก็ตาม แต่การเปลี่ยนตัวเข้าสู่สภาพแวดล้อมใหม่นั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากมาย
ปี 2019 ต้องจับตามองนักเตะเหล่านี้! เหล่านักเตะดาวรุ่งและนักเตะผู้กลับมาระเบิดฟอร์มอีกครั้งทั้ง 5
カテゴリ:Jリーグ
2019/01/05
ยามากุจิและสุกิโทโมะย้ายทีมเพื่อรับบรรยากาศใหม่ ๆ

ยามากุจิ(คนกลาง)และสุกิโมโตะ(คนขวา)ผู้มีฟอร์มติดทีมชาติ(คนกลาง) ทาเคโทมิที่ย้ายเข้าเซเรโซโอซาก้าจากทีมลีก 2(คนที่ 2 จากซ้าย) โทกาชิ(คนที่ 2 จากขวา)ก็ไปค้าแข้งในดินแดนใหม่ ส่วนทานากะ(ซ้าย)นี่เป็น J1 ครั้งแรกของเขา
ทานากะ ทัตสึยะ ย้ายจากสโมสร Roasso Kumamoto แห่ง J2 มาเข้า Gamba Osaka ที่มีกุนซืออย่าง มิยาโมโตะ สึเนยาสุ ย้ายเข้ามาคุมทีมในช่วงกลางฤดูกาลเหมือนกันกับ โอโนเสะ โคสุเกะที่ย้ายจาก Renofa Yamaguchi เข้ามาร่วมสโมสรโอซาก้าในช่วงกลางฤดูกาลเช่นกัน โดยตัวของทานากะ ทัตสึยะนั้นเขาเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงด้านการเลี้ยงลูก นอกจากนั้นยังสามารถเล่นเกมรับแถวสองหรือเล่นตำแหน่งแบ็คริมเส้นได้อีกด้วย เขาจึงน่าจะมาแทนที่ตัวของ ฮัตสึเสะ เรียว ที่ย้ายออกจากทีมได้เป็นอย่างดี ตำแหน่งแถวสองของกัมบะโอซาก้าที่น่าจะเป็นผู้เล่นตัวจริงในตอนนี้มีคุราตะ ชู, ฟุจิโมโตะ จุนโกะและโคกิ โยเนคุระ ซึ่งไม่ว่าจะใครคนไหนต่างก็ล้วนแต่เป็นนักเตะหลัก 3 กันทั้งสิ้น โดยฝั่งของทานากะนั้นถึงแม้ปัจจุบันนี้เขาจะอายุ 26 ปีก็ตาม แต่ก็มีทักษะและสภาพร่างกายที่ครบถ้วนเท่ากับนักเตะวัยกลางคน การลงเล่น 14 นัดในปี 2018 แล้วทำได้ 3 ประตูถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจ น่าจะคาดหวังความสามารถได้ทัดเทียมกับในระดับของโอโนเสะได้เลยด้วย น่าคาดหวังว่าตัวทานากะจะเป็นนักเตะวัยตรงกลาง ที่เชื่อมนักเตะวัยเก๋าและนักเตะรุ่นใหม่ของกัมบะโอซาก้าเข้าด้วยกันได้ทั้งหมด
คนสุดท้ายคือโทกาชิ เคย์มัง แม้เขาจะเป็นนักเตะของโยโกฮาม่าและย้ายไปเล่นยืมตัวได้ไม่นานก็ตาม แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถคว้าโอกาสที่จะระเบิดฟอร์มของตัวเองออกมาได้ เขาเป็นนักเตะที่มีรูปร่างสูงยาว แต่ยังไม่มีสามารถจบสกอร์เมื่อได้โอกาสด้วยความสงบนิ่งได้สักเท่าไรนัก และเพื่อเป็นการทำให้ตัวเองคุ้นชินกับการจบสกอร์และไม่ลนลานเวลาครองบอลนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการสั่งสมประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมใหม่ โดยสโมสรปลายทางของเขาอย่าง FC Machida Zelvia นั้นจะทำให้ตัวของโทกาชิกลายเป็นนักเตะกำลังสำคัญ หากเขาสั่งสมประสบการณ์เอาไว้ได้ล่ะก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเติบโตเป็นโอซาโกะ ยูยะ หมายเลข 2 ยอดกองหน้าที่มีความสามารถในการรุกรับอย่างครบถ้วน อยากจะให้เขาทุ่มเทกับแวดวงฟุตบอลแล้วสร้างผลงานออกมาให้ได้เหลือเกิน ซึ่งสโมสรมาจิดะน่าจะเป็นถิ่นที่ทำให้เขาสามารถฟูมฟักและระเบิดฟอร์มออกมาได้อย่างไม่ผิดแน่
ข่าวโดย ซาโต้ ชุน