ศึก UEFA Nation League ในวันที่ 16 พฤศจิกายน เนื่องจากเนเธอร์แลนด์เอาชนะฝรั่งเศสไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 ในกรุ๊ป 1 ของลีค A จึงเป็นผลตัดสินให้เยอรมันตกชั้นไปยังลีค B โดยปริยายแม้จะยังเหลือการแข่งขันกับทีมเนเธอร์แลนด์อยู่อีก 1 นัดก็ตาม

  กุนซือโยอาคิม เลิฟ ผู้นำทีมชาติเยอรมันคว้าแชมป์โลกในปี 2014 รวมทั้งยังคว้าแชมป์ Confederations Cup ทว่าในฟุตบอลโลกที่รัสเซียนั้นทีมชาติเยอรมันตกรอบกรุ๊ปสเตจ รวมทั้งล่าสุดนี้ก็ยังตกชั้นในศึก Nation League ไปอีกด้วย เรียกได้ว่าสภาพความย่อยยับในระดับโลกนั้นยังคงดำเนินต่อไป

  เหตุใดทีมชาติเยอรมันจึงถดถอยลงในเวลาสั้น ๆ แบบนี้กันนั้น ผู้ที่ออกมาพูดถึงเรื่องดังกล่าวคืออดีตกองหลังทีมชาติเยอรมันอย่าง Hans-Peter Briegel นั่นเอง เขาได้พูดถึงการเข้ามาคุมทีมบาเยิร์นมิวนิกของโจเซฟ กวาดิโอลาร์

  เป๊ปที่คุมบาเยิร์นมิวนิกในปี 2013 นั้น แม้ตลอดทั้ง 3 ปีจะไม่สามารถคว้าแชมป์ UEFA ได้เลยก็ตาม แต่ก็สามารถคว้าแชมป์บุนเดสลิกาได้ 3 สมัยต่อเนื่อง

  ช่อง Sky Sport ของทางอิตาลีได้รายงานข่าวว่า จากข้อมูลหนังสือพิมพ์ Repubblica ของอิตาลีนั้นได้ลงบทสัมภาาณ์ของตัวบรีเกล อดีตนักเตะที่เคยเล่นให้กับทั้ง Verona และ Sampdoria ว่า "ทุกอย่างเป็นความผิดของเป๊ป เขาเข้าใจผิดว่าการจะคว้าชัยให้ได้นั้นต้องครอบครองบอลให้เกิน 75% แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย" ตัวของบรีเกลออกโรงวิจารณ์เป๊ปอย่างรุนแรง

  "สำหรับฟุตบอลแล้ว สิ่งที่สำคัญคือผลลัพธ์มากกว่าการควบคุมเกม การเอาแต่ควบคุมลูกนั้นไม่ได้นำมาซึ่งชัยชนะ ซึ่งฝรั่งเศสที่คว้าแชมป์ได้ที่ฟุตบอลโลกนั้นก็แสดงถึงเรื่องนั้นออกมาให้เห็นกันชัด ๆ"

  บรีเกลยังเสริมอีกว่า "หากกลับไปเล่นตามสไตล์ดั้งเดิมก็ยังสามารถคว้าชัยได้" เขาต้องการเน้นย้ำถึงความสำคัญของผลลัพธ์นั่นเอง

  "สิ่งที่สำคัญคือการเล่นฟุตบอลให้สวยงามไม่ใช่เหรอ นั่นคือการต้องรักษาสมดุลบนสนาม เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันอยู่ในภาวะวิกฤติ ประเทศหลายแห่งต่างก็ประสบปัญหากันหมด"

  นอกจากนั้นบรีเกิลก็วิจารณ์โยอาคิม เลิฟ เช่นกัน เขาระบุว่า "เขาไม่มีความกล้าที่จะเปลี่ยนตัวนักเตะหลังจากคว้าแชมป์ Confederations Cup" เป็นการวิจารณ์ถึงความล้าหลังในการคิดจะเปลี่ยนผลัดวัยของนักเตะ

  "ควรจะตัดตัวนักเตะหลายคนที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่สภาพเริ่มตกลงแล้วเลือกใช้นักเตะรุ่นใหม่ที่คว้าแชมป์ Confederations Cup แทนเสียยังดีกว่า"

  ฟุตบอลนั้นมีปรัชญาอย่างมากมาย ต้องมาดูกันต่อไปว่าทีมชาติเยอรมันจะใช้ทางไหนในการรื้อฟื้นทีมขึ้นมาใหม่ให้ได้อีกครั้ง