ทัวร์นาเมนต์รุ่น U-19 ประจำภูมิภาคเอเชียที่จัดการแข่งขันขึ้นที่อินโดนีเซียนั้น ทีมชาติญี่ปุ่นที่นำโดยกุนซือคาเกยามะ มาซานากะ พาทีมชนะรอบกรุ๊ปลีคทั้ง 3 นัด พอเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายก็ชนะเจ้าภาพอินโดนีเซียจนเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายที่เป็นการการันตีการเข้าฟุตบอลโลกรุ่น U-20 รอบสุดท้ายได้เป็นสมัยที่ 10 และนับเป็น 2 สมัยต่อเนื่องอีกด้วย

  เมื่อ "บรรลุเป้าหมาย" แล้ว นัด 4 ทีมสุดท้ายหรือรอบรองชนะเลิศที่เจอกับทีมซาอุดิอาระเบียนั้น ทีมชาติญี่ปุ่นก็เปลี่ยนตัวนักเตะถึง 9 คนจากที่ใช้ในเกมก่อนห้านี้

  แต่เมื่อถูกนำไป 2 ลูกตั้งแต่ครึ่งแรก พอครึ่งหลังส่งคุโบะ ทาเคฟุสะและมิยาชิโระ ไทเซย์ ลงมานั้นก็ยังไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ ท้ายที่สุดแล้วการเดินทางของทีมชาติญี่ปุ่นในทัวร์นาเมนต์นี้ก็ถึงคราวต้องจบลง 

  เกี่ยวกับการแข่งในนัดนี้ ทางสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียนหรือ AFC ได้ลงข้อมูลในหน้าเว็บไซต์ว่า

  "ทีมชาติญี่ปุ่นรุ่น U-19 พ่ายต่อทีมชาติซาอุดิอาระเบียเป็นครั้งแรกในรอบ 45 ปี ตัวนักเตะที่ญี่ปุ่นส่งลงในเกมนี้แตกต่างไปจากเกมกับอินโดนีเซียถึง 9 คน

  วาคาฮาระ โทโมยะ ที่ลงเฝ้าเสาเป็นครั้งแรกนั้น ในนาทีที่ 28 เขาทำผิดพลาด ด้วยการรับลูกโยนยาวของ Al-Ammar แล้วลูกกระฉอกจนเลยเส้นเข้าประตูไป ทีมชาติซาอุที่มาจากถิ่นแดนทะเลทรายนั้น สามารถทำประตูได้อย่างงดงาม เกมรุกดุดัน จนกระทั่งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรกก็ทำประตูที่สองไปได้ด้วยผลงานของ Al-Ghannam 

  ครึ่งหลังกุนซือคาเกยามะจึงส่งคู่หู คุโบะ ทาเคฟุสะและมิยาชิโระ ไทเซย์ลงสนาม แต่ผลลัพธ์ก็ยังไม่ออกมา บรรยากาศในเกมยังคงตกเป็นของฝั่งซาอุดิอาระเบียอยู่ พวกเขาไม่เสียสมาธิจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายเลย และนั่นได้นำพวกเขาไปสู่รอบชิงชนะเลิศ

  แม้ทีมญี่ปุ่นจะแพ้ก็ตาม แต่ผลงานโดยส่วนตัวของคุโบะ ทาเคฟุสะนั้นเปี่ยมไปด้วยคุณภาพเหลือเกิน ตัวตนของเขาเป็นเหมือนประกายแสงแห่งความหวัง น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดแล้วทีมญี่ปุ่นก็ไม่สามารถต้านทานต่อแรงลม ไม่อาจไปถึงฝันที่รอบชิงชนะเลิศได้"

  การตกรอบรองชนะเลิศ 2 หนติดนั้นจะกลายเป็นประสบการณ์สำคัญของทีมชาติญี่ปุ่นเพื่อที่จะปรับปรุง แก้ไขเพื่อรับมือกับฟุตบอลโลกรุ่น U-20 ที่จะจัดขึ้นที๋โปแลนด์ในปีหน้าได้หรือไม่ จากนี้ต้องติดตามกันต่อไป