"ตอนที่ผมตัดสินใจไปฮอลแลนด์ รอบตัวก็ตั้งแง่สงสัยกันหมด"
โยชิดะให้สัมภาษณ์สื่ออิตาลีพร้อมพูดถึงวงการฟุตบอลญี่ปุ่น (C)Getty Images
นับตั้งแต่ที่ย้ายไป VVV-Venlo ในฤดูกาล 2009-2010 โยชิดะ มายะ ก็ค้าแข้งอยู่ที่ยุโรปมาแล้วเป็นเวลา 12 ปีครึ่ง โยชิดะจึงเป็นผู้คร่ำหวอดที่รับรู้ถึงความแตกต่างในวงการฟุตบอลยุโรปกับญี่ปุ่นหรือเอเชียเป็นอย่างดี
ในปัจจุบันนี้ที่โยชิดะสังกัดอยู่ซามป์โดเรียนั้น เจ้าตัวให้สัมภาษณ์กับสื่ออิตาลี Rivista Contrasti ดังนี้
เมื่อถูกถามว่า "ทำไมสโมสรในยุโรปบางส่วนถึงไม่ยอมรับฟุตบอลของเอเชีย?" โยชิดะก็ตอบว่า "แม้จะยอมรับในการเติบโตของทางเอเชีย แต่ก็มีความลำบากทางวัฒนธรรมเล็กน้อย ถึงระดับฝีมือจะเพิ่มขึ้นแต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ในจุดที่ไร้ข้อครหา แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นประเทศที่ยังไปไม่ถึงนัดชิงในศึกฟุตบอลโลกอยู่ดีครับ" เป็นการตอบเช่นนั้น
"ตำแหน่งที่ค้าแข้งอยู่ในยุโรปที่เยอะที่สุดของนักเตะญี่ปุ่นนั้นก็คือกองหลัง อย่างตอนที่ผมไปฮอลแลนด์เป็นครั้งแรก รอบข้างก็ตั้งแง่สงสัยกันหมด เพราะผมเป็นกองหลังญี่ปุ่นคนแรกเลยที่ตั้งเป้าอย่างก้าวกระโดดมาก แต่ตอนนีี้มันต่างไปแล้ว แค่เห็นโทมิยาสุก็น่าจะเข้าใจแล้วครับ เขาเป็นหนึ่งในกำลังพลสำคัญของอาร์เตต้าที่อาร์เซนอล เป็นหนึ่งในแข้งยุคใหม่ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดคนหนึ่งเลย"
【VIDEO】กัปตันซามพ์โดเรียโมโหโยชิดะจังหวะทำผิดจนเสียประตู
ในปัจจุบันนี้ที่โยชิดะสังกัดอยู่ซามป์โดเรียนั้น เจ้าตัวให้สัมภาษณ์กับสื่ออิตาลี Rivista Contrasti ดังนี้
เมื่อถูกถามว่า "ทำไมสโมสรในยุโรปบางส่วนถึงไม่ยอมรับฟุตบอลของเอเชีย?" โยชิดะก็ตอบว่า "แม้จะยอมรับในการเติบโตของทางเอเชีย แต่ก็มีความลำบากทางวัฒนธรรมเล็กน้อย ถึงระดับฝีมือจะเพิ่มขึ้นแต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ในจุดที่ไร้ข้อครหา แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นประเทศที่ยังไปไม่ถึงนัดชิงในศึกฟุตบอลโลกอยู่ดีครับ" เป็นการตอบเช่นนั้น
"ตำแหน่งที่ค้าแข้งอยู่ในยุโรปที่เยอะที่สุดของนักเตะญี่ปุ่นนั้นก็คือกองหลัง อย่างตอนที่ผมไปฮอลแลนด์เป็นครั้งแรก รอบข้างก็ตั้งแง่สงสัยกันหมด เพราะผมเป็นกองหลังญี่ปุ่นคนแรกเลยที่ตั้งเป้าอย่างก้าวกระโดดมาก แต่ตอนนีี้มันต่างไปแล้ว แค่เห็นโทมิยาสุก็น่าจะเข้าใจแล้วครับ เขาเป็นหนึ่งในกำลังพลสำคัญของอาร์เตต้าที่อาร์เซนอล เป็นหนึ่งในแข้งยุคใหม่ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดคนหนึ่งเลย"
【VIDEO】กัปตันซามพ์โดเรียโมโหโยชิดะจังหวะทำผิดจนเสียประตู
ด้านประเด็นที่วงการฟุตบอลญี่ปุ่นจำเป็นต้องก้าวกระโดดไปกว่านี้นั้น "ยังไม่สามารถเอาญี่ปุ่นไปเทียบกับลีกระดับสูงสุดของยุโรปอาทิเซเรียอาหรือพรีเมียร์ลีกได้ แต่กระนั้นนักฟุตบอลยุคนี้ก็มีความพร้อมยิ่งกว่าเดิม"
"ตอนนี้นักเตะอายุน้อยมีความสุกงอมมากพอ ทั้งยังมีทักษะติดตัว เริ่มสั่งสมประสบการณ์ การได้มาเล่นที่ต่างประเทศจะช่วยเกื้อหนุนการเติบโตของพวกเขา นอกจากนั้นการที่ทีมไปถึงรอบรองชนะเลิศในโอลิมปิกได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญด้วย การได้แข่งโอลิมปิกในประเทศตัวเองนั้นช่วยกระตุ้นความกระหายของนักเตะอายุน้อย ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมครับ"
แม้ในโอลิมปิกทีมซามูไรจะไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลที่ต้องการมาได้ก็ตาม แต่โยชิดะก็ตั้งเป้าที่แสนยิ่งใหญ่ในศึกฟุตบอลโลกที่กาตาร์ในหนนี้ไว้ด้วย
"แน่นอนว่าก็คือการตั้งเป้าหมายสูงสุดครับ ก็คงหนีไม่พ้นการแข่งฟุตบอลโลกที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ การแข่งในช่วงฤดูหนาวกลางฤดูกาลการแข่งขันในสนามที่เปิดโล่ง... เรื่องแบบนี้ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ฟุตบอลมาก่อนเลย พวกเราจะตั้งเป้าหมายอย่างเต็มที่เพื่อลุยอย่างสุดพลังครับ"
ท้ายที่สุดเมื่อถูกถามว่า "ชีวิตในวิถีแห่งฟุตบอลนอกเหนือจากในสนาม" โยชิดะก็ตอบว่า "ถึงตอนนี้ผมจะอายุ 34 แล้ว แต่ผมก็ยังมีความกระหายที่จะเล่นฟุตบอลในระดับสุดยอดต่อไป หน้าที่ของผมที่ตรงนี้มันยังไม่จบหรอกนะ" เขาตอบเช่นนั้น
"ผมดีใจมากจริง ๆ ที่ตัวเองยังสามารถสู้ในศึกฟุตบอลโลกต่อไปได้อีกครั้ง ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมนั้นก็คือครอบครัว ผมรับรู้เสมอว่าข้างกายของผมยังมีคนที่แสนวิเศษอยู่ด้วย"
ตลอด 10 ปีที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปต่อสู้ดิ้นรนอยู่ที่ยุโรป จนทำให้ตอนนี้โยชิดะเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยยกระดับมาตรฐานของแวดวงฟุตบอลเอเชียและญี่ปุ่นในสายตายุโรปได้ ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่ากัปตันทีมชาติญี่ปุ่นที่กำลังจะหมดสัญญากับซามป์โดเรียนั้น ในฤดูร้อนนี้เจ้าตัวจะตัดสินใจอย่างไรกันแน่
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest
【PHOTO】โยชิดะยิ้มแฉ่งใส่แว่นกันแดดพร้อมไวน์ในมือข้างเดียว! แต่แฟนมิลานนั้น...
【PHOTO】「สวยไปแล้ว」「เซ็กซี่เกินไปแล้ว」รวมภาพภรรยาและคนรักของเหล่าแข้งชื่อดัง
"ตอนนี้นักเตะอายุน้อยมีความสุกงอมมากพอ ทั้งยังมีทักษะติดตัว เริ่มสั่งสมประสบการณ์ การได้มาเล่นที่ต่างประเทศจะช่วยเกื้อหนุนการเติบโตของพวกเขา นอกจากนั้นการที่ทีมไปถึงรอบรองชนะเลิศในโอลิมปิกได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญด้วย การได้แข่งโอลิมปิกในประเทศตัวเองนั้นช่วยกระตุ้นความกระหายของนักเตะอายุน้อย ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมครับ"
แม้ในโอลิมปิกทีมซามูไรจะไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลที่ต้องการมาได้ก็ตาม แต่โยชิดะก็ตั้งเป้าที่แสนยิ่งใหญ่ในศึกฟุตบอลโลกที่กาตาร์ในหนนี้ไว้ด้วย
"แน่นอนว่าก็คือการตั้งเป้าหมายสูงสุดครับ ก็คงหนีไม่พ้นการแข่งฟุตบอลโลกที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ การแข่งในช่วงฤดูหนาวกลางฤดูกาลการแข่งขันในสนามที่เปิดโล่ง... เรื่องแบบนี้ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ฟุตบอลมาก่อนเลย พวกเราจะตั้งเป้าหมายอย่างเต็มที่เพื่อลุยอย่างสุดพลังครับ"
ท้ายที่สุดเมื่อถูกถามว่า "ชีวิตในวิถีแห่งฟุตบอลนอกเหนือจากในสนาม" โยชิดะก็ตอบว่า "ถึงตอนนี้ผมจะอายุ 34 แล้ว แต่ผมก็ยังมีความกระหายที่จะเล่นฟุตบอลในระดับสุดยอดต่อไป หน้าที่ของผมที่ตรงนี้มันยังไม่จบหรอกนะ" เขาตอบเช่นนั้น
"ผมดีใจมากจริง ๆ ที่ตัวเองยังสามารถสู้ในศึกฟุตบอลโลกต่อไปได้อีกครั้ง ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมนั้นก็คือครอบครัว ผมรับรู้เสมอว่าข้างกายของผมยังมีคนที่แสนวิเศษอยู่ด้วย"
ตลอด 10 ปีที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปต่อสู้ดิ้นรนอยู่ที่ยุโรป จนทำให้ตอนนี้โยชิดะเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยยกระดับมาตรฐานของแวดวงฟุตบอลเอเชียและญี่ปุ่นในสายตายุโรปได้ ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่ากัปตันทีมชาติญี่ปุ่นที่กำลังจะหมดสัญญากับซามป์โดเรียนั้น ในฤดูร้อนนี้เจ้าตัวจะตัดสินใจอย่างไรกันแน่
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest
【PHOTO】โยชิดะยิ้มแฉ่งใส่แว่นกันแดดพร้อมไวน์ในมือข้างเดียว! แต่แฟนมิลานนั้น...
【PHOTO】「สวยไปแล้ว」「เซ็กซี่เกินไปแล้ว」รวมภาพภรรยาและคนรักของเหล่าแข้งชื่อดัง
次ページ【PHOTO】โยชิดะยิ้มแฉ่งใส่แว่นกันแดดพร้อมไวน์ในมือข้างเดียว! แต่แฟนมิลานนั้น...