"การระดมทุนช่วยเหลือไม่ใช่กระแสชั่วคราวสักหน่อย"
สโลแกนดังกล่าวที่ฝังเข้าไปในหัวใจนั้น ได้ส่งผลให้เกิดกิจกรรมเคลื่อนไหวเพื่อช่วยฟื้นฟูช่วยเหลือเขตประสบภัย "กิจกรรมช่วยเหลือฟื้นฟูมหันตภัยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โทโฮคุ Mind-1 Nippon Project" ในปี 2011 ขึ้นมาและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องจากทาง Kawasaki Frontale
เป็นเวลา 11 ปีแล้วตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ภาคตะวันออกของญี่ปุ่นในปี 2011 ทางทีมงานของสโมสรและมาสค็อตของทีม(ฟุรงตะกับคาเบรบา) ได้ไปร่วมกิจกรรมระดุมทุนช่วยเหลือที่สถานี Musashi-Mizonokuchi ของ JR Nambu Line และสถานี Mizonokuchi ของ Den-en-toshi Line นอกจากนั้นในวันที่ 12 ในเกมที่เจอกับ Nagoya Grampus นั้น ที่สนามเหย้าโทโดโรกิก็มีกิจกรรมระดมทุนกันที่ด้านหน้าของแสตนด์อีกเช่นกัน
แต่เนื่องจากอิทธิพลของโควิด จึงทำให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัย โดยให้เหล่านักเตะที่ไม่ได้นั่งในม้านั่งสำรองในเกมที่เจอกับนาโกย่านั้นมาช่วยส่งเสียงผ่นาทางหน้าจอเพื่อระดมเงินทุนและแสดงความขอบคุณต่อผู้ให้การสนับสนุนทุก ๆ ท่าน
เริ่มต้นจากโนโบริซาโตะ เคียวเฮ ที่ออกมาส่งเสียงแสดงความคิดเห็นทางออนไลน์นั้น "การได้มาร่วมแลกเปลี่ยนกับแฟน ๆ จนก่อให้เกิดการระดุมทุนช่วยเหลือได้อย่างสำเร็จนั้น สำหรับผมเองแล้วตัวเองก็ได้พลังอีกด้วย นับตั้งแต่มหันตภัยครั้งนั้นเหตุการณ์ก็ผ่านมา 11 ปีแล้ว แต่พวกเราก็ยังต้องให้การสนับสนุนกันต่อไป และเพื่อไม่ให้เรื่องดังกล่าวจางหายไปกับการเวลานั้น การกระทำแบบนี้ยิ่งมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การเคลื่อนไหวของพวกเราก่อให้เกิดการขับเคลื่อน ซึ่งทำให้พวกเรารู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องสื่อสารกับแฟน ๆ และชาวเมืองคาวาซากิต่อไปครับ"
ทางอันโด ชุนสุเกะ ระบุ "เป็นครั้งแรกที่ได้มาทำอะไรออนไลน์แบบนี้ แต่การระดมทุนที่มีความหลากหลายแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีเลยครับ เพียงแต่ว่า หากสิ้นสุดวิกฤตโควิดเมื่อไร ในกิจกรรมระดมทุนแบบนี้ก็สามารถจับมือเพื่อแสดงความขอบคุณโดยตรงได้ พวกเราสามารถไปที่เมืองริคุเซนทาคาตะ(จังหวัดอิวาเตะ)เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดเป็นกิจกรรมขึ้นมาใหม่อีกครั้งครับ"
【KAWASAKI】"การระดมทุนช่วยเหลือไม่ใช่กระแสชั่วคราวสักหน่อย" 11 ปีผ่านไปนับตั้งแต่มหันตภัยที่โทโฮคุและความสำคัญที่จะต้องดำเนินกิจกรรมต่อไป
カテゴリ:Jリーグ
2022/03/13
ปีนี้มีการระดมทุนออนไลน์ด้วย
ทางสโมสรรวมไปถึงนักเตะที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนกับทางเมือง Rikuzentakata ที่จังหวัด Iwate มาก่อนนั้น พวกเขาได้ตระหนักถึงการร่วมเดินเคียงข้างกัน มันกลายเป็นความรู้สึกอย่างแรงกล้าที่ไม่อยากให้เหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวนั้นเลือนหายไปกับกาลเวลา
ทางโอชิมะเรียวตะก็ระบุว่า "แม้เวลาจะผ่านมา 11 ปีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่พวกเราต้องรื้อฟื้นกันต่อไปครับ ถึงสิ่งที่พวกเราทำได้นั้นจะมีแต่เรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม แต่ทางเราก็ปรารถนาที่จะพยายามกันต่อไปรวมไปถึงหวังว่าจะเป็นเรี่ยวเป็นแรงให้กับทุกคนที่อยู่ในจุดประสบภัยได้ จากนี้ไปก็อยากจะร่วมทำกิจกรรมร่วมกันต่อไป มาพยายามด้วยกันนะครับ" เป็นการกล่าวแสดงความรู้สึกของเขาออกมา
ซึ่งความรู้สึกนั้นก็เป็นส่วนร่วมกันของทั้งทีม
"ผ่านมาแล้ว 11 ปีจากมหันตภัย แม้จะมีบางส่วนคิดว่า 11 ปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่แสนยาวนานก็ตามแต่ก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่รื้อฟื้นกลับมาเหมือนเดิม โดยเฉพาะกับคนที่ประสบภัยนั้นอาจจะคิดว่ามันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เพราะฉะนั้นการดำเนินกิจกรรมนี้ต่อไปจึงมีความสำคัญยิ่ง อยากจะให้มีต่อไปสู่ปีที่ 12 ปีที่ 13 เลยครับ" (อันโด)
"ในปีที่เกิดมหันตภัยขึ้นนั้นผมได้ไปที่ริคุเซนทาคาตะด้วยครับ เห็นภาพเหตุการณ์ตอนเกิดแผ่นดินไหวมาด้วย ผมจำได้เลยว่าในตอนนั้นผมช็อคมาก นับตั้งแต่เป็นต้นนั้นผมก็แวะเวียนไปที่ริคุเซนทาคาตะในทุกปี ก็พอสัมผัสถึงการฟื้นฟูกลับมาอย่างช้า ๆ ด้วยครับ แต่การจะกลับมาให้ได้สมบูรณ์แบบนั้นก็ยังจำเป็นที่จะได้รับความช่วยเหลือต่อไป ผมอยากจะให้กิจกรรมนี้ดำเนินต่อไปครับ" (โนโบริซาโตะ)
แม้คราวนี้จะเป็นกิจกรรมที่จัดกันออนไลน์ก็ตาม แต่ความสำคัญนั้นก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่ผิดแน่
โนโบริซาโตะส่งข้อความทิ้งทวนว่า "สำหรับพวกเรานั้น พวกเราสามารถส่งพลังและความกล้าผ่านทางฟุตบอลได้ครับ แม้พวกเราจะสามารถแสดงตัวตนผ่านทางสนามแข่งขันให้กับชาวเมืองริคุเซนทาคาตะได้เพียงเท่านั้นก็ตาม แต่ผมก็คิดว่าหัวใจของพวกเราเชื่อมถึงกันได้ครับ ไว้สถานการณ์โควิดสงบลงเมื่อไรผมอยากจะแวะไปเที่ยวที่ริคุเซนทาคาตะอีกครั้ง ถ้าพวกเราไปหาจะสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับเด็ก ๆ ได้ อีกทั้งเมืองริคุเซนทาคาตะนั้นก็มีผลิตภัณฑ์ที่แสนวิเศษมากมาย ผมชอบสาเกกับหอยนางรมมากเลยครับ หากสามารถไปเยี่ยมเยียนด้วยการไปเปิดห้องเรียนฟุตบอลได้เมื่อไรล่ะก็ ผมคงได้ลิ้มรสผลิตภัณฑ์เมืองอีกแน่นอนครับ อยากให้การแลกเปลี่ยนปฏิสัมพันธ์นี้ดำเนินต่อไป"
ทางอันโดก็ทิ้งทวนว่า "พวกเราผู้เกี่ยวข้องกับฟรอนทาเล่ทุกคนนั้น ไม่ลืมเรื่องราวของทุกท่านที่เมืองริคุเซนทาคาตะ พวกคุณต่างก็สลักอยู่ในหัวใจของพวกเราครับ จากนี้ก็มาพยายามด้วยกันต่อไปนะครับ" ทางฝั่งโอชิมะ "แม้เวลาจะผ่านไปแล้ว 11 ปี แต่ก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรำลึกถึงใหม่อีกครั้ง แม้สิ่งที่พวกเราทำได้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม แต่ก็อยากจะพยายามเพื่อให้ดำเนินต่อไปให้ได้ครับ หวังว่าจะไปเรี่ยวเป็นแรงกับทุกคนที่ประสบภัยได้ อยากจะร่วมทำกิจกรรมด้วยกันต่อจากนี้ไป มาพยายามไปด้วยกันนะครับ"
สุดท้ายก็คือคำพูดของกัปตัน ทานิกุจิ โชโก ที่กล่าวหลังการแข่งขันจบลงซึ่งเปรียบเสมือนจุดยืนของสโมสรเช่นเดียวกัน
"พวกเราต้องรู้สึกซาบซึ้งในการที่พวกเราสามารถเล่นฟุตบอลอย่างเป็นปกติได้ ตราบใดที่พวกเราเป็นนักฟุตบอล เราจะส่งพลังของเจลีกผ่านทางฟุตบอลเพื่อสร้างบรรยากาศให้ญี่ปุ่นคึกคัก ซึ่งนั่นคือความรู้สึกที่มีอยู่ในหัวใจ แล้วไม่ใช่เพียงแค่ทีม ๆ เดียวเท่านั้น สิ่งสำคัญคือการที่ทั้งภาพรวมของเจลีกจะต้องส่งต่อกัน ดำเนินกันต่อไปให้ได้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พวกเราเข้าร่วมโครงการ Mind-1 Nippon Project ในฐานะทีม หากมีอะไรที่สามารถให้ความร่วมมือได้ก็จะทำกันต่อไปครับ"
แม้สิ่งที่ทำได้จะมีอยู่อย่างจำกัดก็ตาม แต่สำหรับทางสโมสรรวมไปถึงทางเจลีกนั้นก็อยากที่จะร่วมก้าวเดินกันต่อไป ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงเหล่านี้ก็คือสิ่งที่สำคัญในต่อจากนี้นั่นเอง
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest
【PHOTO】ปีนี้จัดกันแบบออนไลน์ กิจกรรมระดุมทุนช่วยฟื้นฟูมหันตภัยจากทางคาวาซากิ
ทางโอชิมะเรียวตะก็ระบุว่า "แม้เวลาจะผ่านมา 11 ปีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่พวกเราต้องรื้อฟื้นกันต่อไปครับ ถึงสิ่งที่พวกเราทำได้นั้นจะมีแต่เรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม แต่ทางเราก็ปรารถนาที่จะพยายามกันต่อไปรวมไปถึงหวังว่าจะเป็นเรี่ยวเป็นแรงให้กับทุกคนที่อยู่ในจุดประสบภัยได้ จากนี้ไปก็อยากจะร่วมทำกิจกรรมร่วมกันต่อไป มาพยายามด้วยกันนะครับ" เป็นการกล่าวแสดงความรู้สึกของเขาออกมา
ซึ่งความรู้สึกนั้นก็เป็นส่วนร่วมกันของทั้งทีม
"ผ่านมาแล้ว 11 ปีจากมหันตภัย แม้จะมีบางส่วนคิดว่า 11 ปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่แสนยาวนานก็ตามแต่ก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่รื้อฟื้นกลับมาเหมือนเดิม โดยเฉพาะกับคนที่ประสบภัยนั้นอาจจะคิดว่ามันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เพราะฉะนั้นการดำเนินกิจกรรมนี้ต่อไปจึงมีความสำคัญยิ่ง อยากจะให้มีต่อไปสู่ปีที่ 12 ปีที่ 13 เลยครับ" (อันโด)
"ในปีที่เกิดมหันตภัยขึ้นนั้นผมได้ไปที่ริคุเซนทาคาตะด้วยครับ เห็นภาพเหตุการณ์ตอนเกิดแผ่นดินไหวมาด้วย ผมจำได้เลยว่าในตอนนั้นผมช็อคมาก นับตั้งแต่เป็นต้นนั้นผมก็แวะเวียนไปที่ริคุเซนทาคาตะในทุกปี ก็พอสัมผัสถึงการฟื้นฟูกลับมาอย่างช้า ๆ ด้วยครับ แต่การจะกลับมาให้ได้สมบูรณ์แบบนั้นก็ยังจำเป็นที่จะได้รับความช่วยเหลือต่อไป ผมอยากจะให้กิจกรรมนี้ดำเนินต่อไปครับ" (โนโบริซาโตะ)
แม้คราวนี้จะเป็นกิจกรรมที่จัดกันออนไลน์ก็ตาม แต่ความสำคัญนั้นก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่ผิดแน่
โนโบริซาโตะส่งข้อความทิ้งทวนว่า "สำหรับพวกเรานั้น พวกเราสามารถส่งพลังและความกล้าผ่านทางฟุตบอลได้ครับ แม้พวกเราจะสามารถแสดงตัวตนผ่านทางสนามแข่งขันให้กับชาวเมืองริคุเซนทาคาตะได้เพียงเท่านั้นก็ตาม แต่ผมก็คิดว่าหัวใจของพวกเราเชื่อมถึงกันได้ครับ ไว้สถานการณ์โควิดสงบลงเมื่อไรผมอยากจะแวะไปเที่ยวที่ริคุเซนทาคาตะอีกครั้ง ถ้าพวกเราไปหาจะสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับเด็ก ๆ ได้ อีกทั้งเมืองริคุเซนทาคาตะนั้นก็มีผลิตภัณฑ์ที่แสนวิเศษมากมาย ผมชอบสาเกกับหอยนางรมมากเลยครับ หากสามารถไปเยี่ยมเยียนด้วยการไปเปิดห้องเรียนฟุตบอลได้เมื่อไรล่ะก็ ผมคงได้ลิ้มรสผลิตภัณฑ์เมืองอีกแน่นอนครับ อยากให้การแลกเปลี่ยนปฏิสัมพันธ์นี้ดำเนินต่อไป"
ทางอันโดก็ทิ้งทวนว่า "พวกเราผู้เกี่ยวข้องกับฟรอนทาเล่ทุกคนนั้น ไม่ลืมเรื่องราวของทุกท่านที่เมืองริคุเซนทาคาตะ พวกคุณต่างก็สลักอยู่ในหัวใจของพวกเราครับ จากนี้ก็มาพยายามด้วยกันต่อไปนะครับ" ทางฝั่งโอชิมะ "แม้เวลาจะผ่านไปแล้ว 11 ปี แต่ก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรำลึกถึงใหม่อีกครั้ง แม้สิ่งที่พวกเราทำได้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม แต่ก็อยากจะพยายามเพื่อให้ดำเนินต่อไปให้ได้ครับ หวังว่าจะไปเรี่ยวเป็นแรงกับทุกคนที่ประสบภัยได้ อยากจะร่วมทำกิจกรรมด้วยกันต่อจากนี้ไป มาพยายามไปด้วยกันนะครับ"
สุดท้ายก็คือคำพูดของกัปตัน ทานิกุจิ โชโก ที่กล่าวหลังการแข่งขันจบลงซึ่งเปรียบเสมือนจุดยืนของสโมสรเช่นเดียวกัน
"พวกเราต้องรู้สึกซาบซึ้งในการที่พวกเราสามารถเล่นฟุตบอลอย่างเป็นปกติได้ ตราบใดที่พวกเราเป็นนักฟุตบอล เราจะส่งพลังของเจลีกผ่านทางฟุตบอลเพื่อสร้างบรรยากาศให้ญี่ปุ่นคึกคัก ซึ่งนั่นคือความรู้สึกที่มีอยู่ในหัวใจ แล้วไม่ใช่เพียงแค่ทีม ๆ เดียวเท่านั้น สิ่งสำคัญคือการที่ทั้งภาพรวมของเจลีกจะต้องส่งต่อกัน ดำเนินกันต่อไปให้ได้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พวกเราเข้าร่วมโครงการ Mind-1 Nippon Project ในฐานะทีม หากมีอะไรที่สามารถให้ความร่วมมือได้ก็จะทำกันต่อไปครับ"
แม้สิ่งที่ทำได้จะมีอยู่อย่างจำกัดก็ตาม แต่สำหรับทางสโมสรรวมไปถึงทางเจลีกนั้นก็อยากที่จะร่วมก้าวเดินกันต่อไป ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงเหล่านี้ก็คือสิ่งที่สำคัญในต่อจากนี้นั่นเอง
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest
【PHOTO】ปีนี้จัดกันแบบออนไลน์ กิจกรรมระดุมทุนช่วยฟื้นฟูมหันตภัยจากทางคาวาซากิ